Posted on

เที่ยวยุโรปไม่ต้องทำวีซ่า ในงบไม่เกิน 3 หมื่นบาท

ยุโรปเมืองในฝันของใครหลายคน แต่การเดินทางในปัจจุบันนี้การไปยุโรปไม่ใช่เรื่องที่ยุ่งยากอีกต่อไป แม้ว่าการเดินทางเข้ายุโรปจะต้องมีเอกสารเข้าเมืองหรือที่เรียกว่าวีซ่า เพื่อเดินทางเข้าเมืองต่างๆ ซึ่งในยุโรปส่วนใหญ่แล้วต้องใช้วีซ่าเช้งเก้นในการผ่านเข้า ออกประเทศนั้นๆ มแต่จะดีกว่าไหมหากเราเดินทางไปยุโรปได้โดยไม่ต้องทำวีซ่า และค่าใช้จ่ายแค่เพียงหลักหมื่นบาทเท่านั้น

วันนี้ unithaitrip ขอแนะนำประเทศในทวีปยุโรปที่เดินทางได้ง่ายไม่ต้องทำวีซ่าและใช้งบแค่หลักหมื่นในเดินทางเท่านั้น นั่นก็คือ ประเทศตุรกี ประเทศจอร์เจีย ประเทศรัสเซียและแอฟริกาใต้ เชื่อว่าทั้ง 4 ประเทศคงเป็นประเทศในฝันของใครหลายคนแน่นอนเลยค่ะ


ประเทศตุรกี

เรามาเริ่มต้นกับประเทศตุรกี หรือเมืองแห่งไก่งวง เป็นประเทศแห่งประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน อีกทั้งตุรกี ได้ชื่อว่าเป็นดินแดนสองทวีป เนื่องจากตั้งอยู่กึ่งกลางระหว่างทวีปยุโรปและเอเชีย โดยพื้นที่ร้อยละ 97 ของประเทศครอบคลุมบริเวณส่วนใหญ่ของคาบสมุทรอานาโตเลียในฝั่งเอเชียตะวันตก ส่วนพื้นที่ที่เหลือนั้นอยู่ในดินแดนที่เรียกว่า เธรซ ตั้งอยู่ในฝั่งยุโรปตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเมืองที่เปรียบเสมือนศูนย์กลางเชื่อมประเทศตุรกีทั้งสองฝั่งไว้ด้วยกันก็คือ อิสตันบูล มหานครสองทวีป อดีตเมืองหลวงของตุรกีนั่นเองค่ะ

ตุรกีเป็นประเทศที่มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน มีความหลากหลายของหลายกลุ่มชนนับแต่ 2,500 ปีก่อนคริสตกาลมาแล้ว ทำให้ในปัจจุบันยังคงเหลือร่องรอยแห่งอารยธรรมโบราณ พร้อมกับที่เที่ยวทางประวัติศาตร์มากมาย จึงทำให้ตุรกีเป็นประเทศที่สวยงามและมีเอกลักษณ์ ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกให้มาเยือนกันมากมายและยิ่งไปกว่านั้นสำหรับคนไทยสามารถเดินทางไปเที่ยวตุรกีได้ง่ายมากๆ เพราะสามารถเที่ยวได้ 30 วันโดยที่ไม่ต้องขอวีซ่านั่นเองค่ะ

ตุรกีมีสถานที่ที่สวยงามและเป็นธรรมชาติให้เราได้เก็บความทรงจำมากมาย เช่นมหาวิหารฮาเยียโซเฟีย (Hagia Sophia) หรือ Ayasofya Museum หนึ่งในมรดกโลกเก่าแก่ของประเทศตุรกี แถมยังเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลาง มิดยาท (Midyat) เมืองที่เก่าแก่ที่สุดบนพื้นที่เมโสโปเตเมียตอนบน และเป็นศูนย์กลางของชาวฮูร์เรียมาหลายศตวรรษ  ปามุกกาเล (Pamukkale) หรือ“ปราสาทปุยฝ้าย” (Cotton Castle) ลักษณะเป็นน้ำตกหินปูนสีขาวที่เกิดขึ้นจากธารน้ำใต้ดินที่อุดมไปด้วยแร่หินปูน และที่พลาดไม่ได้เลยก็คือ คัปปาโดเกีย (Cappadocia) ที่เป็นไฮไลท์สำหรับนักท่องเที่ยวที่ใฝ่ฝันถึงการชมทัศนียภาพบนบอลลูนที่ไม่เหมือนที่ไหน


ประเทศรัสเซีย

รัสเซีย ดินแดนแห่งหมีขาว ประเทศแห่งสถาปัตยกรรมที่สวยงาม เมืองที่ดึงดูดใจนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ที่สำคัญนักท่องเที่ยวชาวไทยยังสามารถไปเที่ยวรัสเซียได้โดยไม่ต้องขอวีซ่าอีก สามารถเที่ยวได้นานถึง 30 วัน และยังได้รับการขนานนามว่าเป็นประเทศที่ “ผู้หญิงสวยที่สุดในโลก” และ “เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก” ก็งดงามดุจราชินีแห่งยุโรปอีกด้วย

นอกจากนี้แล้วรัสเซียยังเต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมที่สวยงาม เช่น จัตุรัสแดง ที่เที่ยวใจกลางเมืองที่มองไปโดยรอบก็มีแต่อาคารสีแดง มหาวิหารเซนต์เบซิล สวยงามประณีต หนึ่งเดียวในโลก พระราชวังเครมลิน ริมแม่น้ำมอสควา อดีตที่ประทับของพระเจ้าซาร์ กษัตริย์รัสเซีย วิหารอัสสัมชัญ สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญวิหารเก่าแก่และโคโลเมนสโกเย ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ เคยเป็นที่ประทับของเหล่าราชวงศ์ในอดีต ยังไม่รวมพิพิธภัณฑ์ต่างๆที่เก็บสะสมของมีค่าของประเทศ

หากต้องการเดินทางไปเที่ยวรัสเซีย ช่วงที่เหมาะกับการท่องเที่ยว คือ ช่วงเดือนพฤษภาคม อากาศช่วงนี้จะเย็นสบาย ทิวทัศน์สวยมาก ต้นไม้กำลังผลิดอกเต็มไปหมด กลิ่นหอมตลบไปทั่ว เป็นช่วงที่เรียกว่า “ไวท์ไนท์” เป็นผลจากแสงของพระอาทิตย์เที่ยงคืน และที่สำคัญค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปที่นี้ราคาไม่แพงเลยค่ะ


ประเทศจอร์เจีย

ประเทศจอร์เจีย ประเทศที่ไม่ค่อยมีใครรู้จัก ไม่ค่อยถูกกล่าวถึงมากนัก แต่รู้ไหมคะว่าที่นี้ก็มีสถานที่ให้เที่ยวมากมายเช่นกัน จอร์เจียมีประวัติความเป็นมายาวนานกว่า 2,500 ปี ซึ่งภาษาจอร์เจียก็เป็นหนึ่งในภาษาเก่าแก่ที่สุดในโลกที่ยังมีการใช้กันอยู่ในปัจจุบัน นอกจากภูมิประเทศที่สวยงามและภาษาที่เก่าแก่แล้ว จอร์เจียยังมีวัฒนธรรมและสถาปัตยกรรมที่สวยงามอันเปี่ยมเสน่ห์เป็นเอกลักษณ์อีกด้วยนะคะ

ใครอยากไปสัมผัสบรรยากาศยุโรปแบบไม่ต้องขอวีซ่าก็เตรียมจดชื่อประเทศจอร์เจียไว้ในทริปต่อไปได้เลยค่ะ เพราะที่นี่อยู่ในลิสต์ของประเทศที่ไม่ต้องขอวีซ่า โดยคนไทยสามารถไปท่องเที่ยวที่จอร์เจียและอยู่ภายในประเทศได้ไม่เกิน 365 วันเลยเชียวค่ะ

จอร์เจียมีที่เที่ยวในรูปแบบของสถานที่โบราณที่เยอะมากค่ะ ไม่ว่าจะเป็น เทือกเขาคอเคซัส (Caucasus Mountains) เป็นเทือกเขาสูงขนาดใหญ่ ทำหน้าที่แบ่งพรมแดนระหว่างทวีปยุโรปและทวีปเอเชีย ทำให้เกิดกลุ่มประเทศที่อยู่ในสองทวีป ซึ่งบนเทือกเขาคอเคซัสในฝั่งประเทศจอร์เจีย ก็มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย อาทิ ยอดเขาคาสเบก (Mt.Kazbek)

โบสถ์สมินดา ซาเมบา หรืออีกชื่อหนึ่งคือ โบสถ์เกอเกติ (Gergeti Trinity Church) เป็นโบสถ์เก่าแก่ของประเทศจอร์เจีย สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 14 และสะพานแห่งสันติภาพ เป็นสะพานคนเดินรูปโค้ง ก่อสร้างด้วยเหล็กและแก้ว ประดับไฟ LED จำนวนมากเหนือแม่น้ำคูรา อยู่ในตัวเมืองทบิลิซี เมืองหลวงของประเทศจอร์เจีย เป็นสะพานเชื่อมต่อเขตเมืองเก่ากับเขตเมืองใหม่เข้าด้วยกัน


สาธารณรัฐแอฟริกาใต้

และขอปิดท้ายด้วยแอฟริกาใต้หรือ สาธารณรัฐแอฟริกาใต้  ประเทศที่ไม่ค่อยอยากมีใครไปเยือนเพราะชอบคิดไปก่อนว่าแอฟริกาต้องร้อน ไม่มีเครื่องอำนวยความสะดวก แต่จริงๆแล้วแอฟริกามีอะไรมากกว่าที่เราเห็นตามสารดคีทั่วไปค่ะ  เป็นประเทศอิสระที่อยู่ตอนปลายทางใต้สุดของทวีปแอฟริกา เป็นประเทศส่งออกเพชรและ ทองคำ มีชาวพื้นเมืองผิวขาวได้แก่ ชาวแอฟริกัน ที่สืบเชื้อสายจากชาวดัตช์ ที่มาตั้งถิ่นฐานเป็นกลุ่มแรก ปัจจุบันมีทั้งชาวดัตช์ เยอรมัน ฝรั่งเศส อังกฤษ และชนเผ่าพื้นเมือง คือ ซูลู

เป็นประเทศที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมและเป็นที่ 3 ของโลกที่มีความหลากหลายทางชีวภาพ ยังคงมีธรรมชาติ ป่าเขียวชะอุ่มและมีสัตว์ป่าที่ยังคงดำรงชีวิตอยู่ทั่วไปในแอฟริกา  สภาพภูมิอากาศส่วนใหญ่จะกึ่งแห้งแล้งด้านชายฝั่งตะวันออกจะกึ่งร้อนชื้นด้านตะวันตกเฉียงเหนือ จะแห้งแล้ง แถบเมืองเคปทาวน์จะมีอากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียน อุณหภูมิจะอยู่ระหว่าง 0-35 องศาเซลเซียส ในฤดูร้อนจะร้อนและแห้ง ฤดูหนาวจะเย็นและฝนตกเนื่องจากแอฟริกาใต้ตั้งอยู่ในซีกโลกใต้ฤดูกาลจึงตรงข้ามกับ อเมริกาเหนือและยุโรป

ในส่วนของสถานที่ท่องเที่ยวแอฟริกาใต้มีสถานที่ในแนวธรรมชาติอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการส่องสัตว์ ฟาร์มนกกระจอดเทศ หรือจะเป็นแหลงอารยธรรม อย่างอุทยานแห่งชาติครูเกอร์ (Kruger National Park) อุทยานแห่งชาติช้างแอดโด้ (Addo Elephant Park) และอุทยานแห่งชาติโกลเด้นเกทไฮแลนดส์  และสถานที่อื่นๆอีกมากมายที่รอคุณมาสัมผัส หากลองเปิดใจให้แอฟริกาได้ Unithai เชื่อว่าคุณจะได้รับประสบการณ์อย่างเลือล้นเลยค่ะ

  

เป็นไงกันบ้างค่ะ กับ 4 ประเทศในยุโรปที่ไม่ต้องทำวีซ่าที่ Unithai เอามาฝากกัน หากใครอยากมีประสบการณ์ใหม่ๆกับเมืองอารยธรรม้ลองเปิดใจให้กับประเทศเหล่านี้ดูนะคะ เพราะนอกจากจะฟรีวีซ่า ราคาทัวร์ก็ไม่แพงค่ะ