Posted on

จอร์เจีย…มีอะไรดี…

“จอร์เจีย ห้ะ จอร์เจียหรอ อยากไปอ่าา”

หนาวป่าววอะ จอร์เจีย เก๋เนอะ”

“จอร์เจียย ?? หรอ ถ่ายรูปมาเยอะๆ นะ”

“กี่บาทอ่ะ แพงมั้ย

“เที่ยวอะไร กินอะไรกันจอร์เจีย”

…. นี่คือ เสียงจากคนรอบตัว และร้อยละร้อย มีแต่คน “อยากไป” “อยากเห็น” “อยากทำความรู้จักกับประเทศนี้”

เดินทางได้ไปช่วงคริสต์มาส คือ 25-30 ธ.ค. 2562 ด้วยสายการบิน Air Asia X (แบบเหมาลำ) เป็นสายการบินแรกและเราคือกรุ๊ปแรกที่บินตรงจากไทยสู่สนามบินทบิลิซี ประเทศจอร์เจีย     ถึงสนามบินดอนเมือง 12.00 น. ทำพิธีเช็คอินเสร็จ ก็เข้าไปนั่งรอใน MIRACLE LOUNGE International เลานจ์หรูโซนใหม่ในสนามบินดอนเมือง ….อาหาร คาว หวาน เครื่องดื่ม เพียบบ! สบายยย รอดไปหนึ่งมื้อได้เวลา 15.15 น. บินโล้ดด ลำใหญ่ดี นั่งนุ่มๆ ขาไปใช้เวลาประมาณ 8.30 ชม. เสิร์ฟอาหาร 2 มื้อบนเครื่อง เจ๋งมากกก และคือ เมนู ไก่ onlyถึงสนามบินทบิลิซี ประเทศจอร์เจีย ประมาณ 21.00 น. (เวลาไทย 24.00 น. ไทยเร็วกว่า 3 ชม.) เป็นสนามบินเล็กๆ ไม่พลุกพล่าน ความเก๋ คือ ยังไม่ทันจะเข้าเช็คอิน ก็ได้ยินดนตรีแจ๊สเล่นสดๆ บรรเลงต้อนรับคณะเรา หู้ยย ทำไมดู VIP จังอะะ 🤭 ต่อมาจุดเช็คอิน ตม.ต้อนรับด้วยไวน์ขวดเล็กๆ คนละขวด (แปลว่า นางต้องขึ้นชื่อเรื่องไวน์ จริงๆ ตามที่ได้หาข้อมูลก่อนมา) และจัดอาหารว่างต้อนรับเราที่สนามบินนั้นเลย มีทั้งชีส ไวน์ และเค้ก ฯลฯ แบบยินดีที่เราคนไทยเหมาลำไปเที่ยวประเทศเค้า ประทับใจมากๆๆๆ เริ่มสนุกละ นี่แค่เริ่มต้นน ระหว่างนั่งรถมาโรงแรม ได้ผ่านย่านเมืองเก่า old town คล้ายๆ ถนนข้าวสารของเรา มีผับ มีร้านอาหาร cafe อย่างที่บอกว่าเรามาคืนวันคริสต์มาส คืนนี้จึงคักคัก เหมือนทุกคนออกจากบ้านมาร่วมฉลอง มา meeting มาเดินเล่นท้าลมหนาว ถนนทุกสาย ต้นไม้ใหญ่ทุกต้น ถูกประดับไฟสวยมีมิติ สวยแบบเค้าตั้งใจคิดตั้งใจทำ ไม่เชื่อลองดูรูปค่ะ ตลอด 6 วัน 4 คืน นอนที่โรงแรม Holiday Inn โรงแรมดี 4 ดาว เชียววนะ อากาศที่นี่ประมาณ -2 ถึง 10 องศา ใกล้ๆ รร. มีแมคโดนัลน์ มี SPAR supermarket เดินช้อปก่อนนอนทุกวัน ชอบ. >< อาหารเช้า ที่ รร. เด็ดดวงมาก อร่อย หลากหลาย ทั้งแซลมอนรมควัน ฟัวกราส์บด  ชีสสารพัดแบบ ขนมปัง เบเกอรี่ วอลนัท ขนมท้องถิ่น น้ำเชอรี่ ลูกพีชสดๆ และ พนง.เดินเติมตลอด ไม่ปล่อยให้พร่องเลยย และแอบดีใจ ได้กินแบบนี้อีก 4 วัน อิ่มแล้ว เริ่มออกเที่ยวกันดีกว่าาา…

เมืองคาเคติ ที่นี่เปรียบเสมือนเส้นทางแห่งไวน์ (Kakheti Wine Route) ถนนแทบทุกสายของเมืองนี้ยังคงเต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมดั้งเดิมของจอร์เจีย ทั้งยังเป็นแหล่งปลูกองุ่นและทำไวน์ที่ใหญ่และมีชื่อเสียงที่สุดในจอร์เจียด้วย และยังได้ชมวิธีทำขนมปังพื้นเมือง อิ่มขนมปังและไวน์ เหล้าพื้นเมืองกันไปปป เมืองอุพลิสชิเค่ เมืองถ้ำเก่าแก่ของจอร์เจีย มีการตั้งถิ่นฐานมานานกว่า 3,000 ปี เมืองนี้เคยเป็นศูนย์กลางทางศาสนาและวัฒนธรรม ก่อนจะถูกรุกรานโดยชาวมองโกล และถูกทิ้งให้เป็นที่เมืองร้าง และขณะนี้กลายเป็นที่ตั้งศาสนสถานและโบสถ์เก่าแก่ของชาวคริสต์ และแล้ว “การพบกันครั้งแรกของฉันกับอาหารจอร์เจีย” ก็มาถึง ความหรูหราของห้องอาหาร ไม่ต้องนึกเลยว่าอาหารจะเริ่ดขนาดไหนน และนี่คือ อาหารจอร์เจีย มื้อแรก พิซซ่าชีสส ปลาเทราต์ สลัด เห็ดแชมปิญองอบชีส ซุปน้ำใส (รสเปรี้ยวๆคล้ายต้มยำบ้านเรา) ฯลฯ เสิร์ฟพร้อมไวน์ และน้ำผลไม้ทุกมื้อ รสชาติดีสไตส์เค้าอ่าานะ ไม่มีเมนูแซบนัวจี๊ดจ๊าดดอย่างบ้านเรา สรุป 10 10 10 จ่ะ มื้อนี้
ประเทศจอร์เจีย ยังเป็นประเทศที่ยังคงความเป็นธรรมชาติอยู่มาก เนื้อที่ส่วนใหญ่ก็จะเต็มไปด้วยต้นสนต้นไม้ซึ่งเหมาะแก่การถ่ายรูปมากๆหลังจากรับประทานอาหารก็มีที่ถ่ายรูปให้กว้างขวาง วิหารบอดี (Bodbe Monastery) เป็นวิหารของชาวจอร์เจียนที่นับถือถือศาสนาคริสต์นิกายออร์ทอดอกซ์ถูกสร้างขึ้นในครั้งแรกราวศตวรรษที่ 9 และต่อมาในศตวรรษที่ 17 ก็ได้มีการสร้างต่อเติมขึ้นมาอีก จนกระทั่งวิหารแห่งนี้มีความสำคัญและเป็นหนึ่งในวิหารที่จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาทำพิธีแสวงบุญ บ้านเกิดของ “โจเซฟ สตาลิน” ผู้นำลัทธิคอมมิวนิสต์ ตั้งอยู่ในเมืองกอรี่ มีลักษณะเป็นพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ และเพื่อเป็นอนุสรณ์แก่สตาลิน

อาหารเย็น เมนูจะคล้ายๆกับกลางวัน จะเน้นขนมปัง ซุป สลัด เมนูไก่ มีข้าวด้วย แต่ข้าวจะร่วน ร่วนมากกก จืดๆ ข้าวประเทศเราหร่อยกว่า แต่ที่ประทับใจ คือ ในทุกๆ มื้อเย็น เราจะได้ทานข้าวพร้อมกับรับชมการแสดงพื้นเมืองของประเทศจอร์เจียทุกวันน!! ที่น่าสังเกต คือ ชุดนักแสดงจะคล้ายๆกัน และทรงผมนักแสดงผู้หญิง คือ ทรงถักเปียสี่เส้น ทุกคน ไม่มีใครทำทรงแตกต่างจากนี้เลย ทรงนี้คือ “มะ” สุด นั่งกระเช้าไฟฟ้าชมป้อมนาริคาล่า ซึ่งเป็นป้อมปราการโบราณ และบ้านเรือนที่ถูกย้อมด้วยไฟสีเหลืองนวล สวย อุ่น และอากาศหนาวววติดลบเด้อ บรรยากาศของเมืองซิกนากี ที่ตั้งอยู่ในบริเวณเทือกเขาคอเคซัส ใน 1 ปี มี 4 ฤดู ฤดูร้อนอุณหภูมิสูงที่สุดประมาณ 25 องศาส่วนในฤดูหนาวอุณหภูมิจะอยู่ที่ประมาณ 1 องศา ป้อมอันนานูรี (Ananuri Fortress) ป้อมปราการเก่าแก่ มีกำแพงล้อมรอบตั้งอยู่ริมแม่น้ำอรักวี ถูกสร้างขึ้นในสมัยศตวรรษที่ 16-17 ชมความงดงามของโบสถ์ 2 หลังที่ตั้งอยู่ภายในกำแพง ซึ่งเป็นโบสถ์ของชาวเวอร์จิ้น ภายในยังมีหอคอยทรงสี่เหลี่ยมใหญ่ที่ตั้งตระหง่าน ทำให้เห็นภาพทิวทัศน์อันสวยงาม ด้านล่างจากมุมสูงของป้อมปราการนี้ รวมถึงอ่างเก็บน้ำชินวารี (Zhinvali Reservoir) และยังมีเขื่อน ซึ่งเป็นสถานที่สำคัญสำหรับนำน้ำที่เก็บไว้ส่งต่อไปยังเมืองหลวง และใช้ผลิตไฟฟ้า ซึ่งทำให้ชาวเมืองทบิลิซีมีน้ำไว้ดื่ม…..คูซเชล่าา……นี่มันกุนเชียงหรือเทียนไข!?5555มันคือของกินเล่น เป็นของหวานที่ราคาไม่แพง  คูซเชล่า คือ วอลนัทเคลือบน้ำองุ่น รสชาติเปรี้ยวๆ มันๆ กรอบๆ พิพิธภัณฑ์ซินานดาลี (Tsinandali Museum) เดิมเป็นทีพักของเจ้าชายอเล็กซานเดอร์ (Alexandre Chavchavadze) ในหมู่บ้านซินานดาลี ซึ่งได้รับมรดกมาจากพ่อของเขา คือเจ้าชาย Garsevan ในปี ค.ศ. 1835

วิหารอะลาเวอดี (Alaverdi Monastery) สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 11 โดย Kvirike III แห่ง Kakhetiแทนที่โบสถ์เก่าของเซนต์จอร์จ เป็นอาคารทางศาสนาที่สูงที่สุดในจอร์เจีย วิหารจวารี (Jvari Monastery) เป็นวิหารเก่าแก่ในรูปแบบของคริสต์ศาสนาแบบจอร์เจียนออร์โธด็อกซ์ สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 6 วิหารแห่งนี้ตั้งอยู่บนภูเขาที่มีแม่น้ำสองสายไหลมาบรรจบกัน คือ แม่น้้ำมิตควารี และแม่น้ำอรักวี มาถึงประเทศต้นกำเนิดไวน์ก็ต้องไปชิมไวน์ซิค้ะ…ที่นี่คือ อุโมงค์เก็บไวน์ของโรงไวน์คาเรบา บ่มไวน์ในภูเขาขนาดใหญ่จำนวน 15 อุโมงค์ เราได้ชิมไวน์หลายรสชาติทั้งไวน์แดง ไวน์ขาว…มึนกันไปเลยและข้อสำคัญไวน์ที่ประเทศนี้ถูกมากกกกกกก มหาวิหารศักดิ์สิทธิ์ทบิลิซี (Holy Trinity Cathedral of Tbilisi) อีกชื่อหนึ่งคือ โบสถ์ Sameba เป็นโบสถ์ที่มีความสวยงาม มีขนาดที่ใหญ่ที่สุด และสำคัญที่สุดของประเทศจอร์เจีย และสูงเป็นอันดับ 3 ของโลก มีความสูงถึง 50 เมตร และจุคนได้ถึง 15,000 คน ด้วยความสูง สวยงาม อลังการของโบสถ์นี้ ทำให้สามารถมองเห็นได้จากทุกแห่งในเมืองทบิลิซี สะพานแห่งสันติภาพ (The Bridge of peace) เป็น landmark ของเมืองทบิลิซี ออกแบบโดย สถาปนิกชาวอิตาเลี่ยนชื่อ Michele DeLucchi สะพานมีความยาวที่ 150 เมตร โครงสร้างหลักของสะพานทำจากเหล็กและกระจกใส โรงอาบน้ำแร่เก่าแก่ (Sulphur Bath) ที่นี่มีชื่อเสียงในเรื่องบ่อน้ำร้อนกำมะถันธรรมชาติ (Sulphur Spring Water)รีวิวพอกรุบๆ ทั้งการเดินทาง อาหาร โรงแรม ที่เที่ยว

สรุป จอร์เจีย ดินแดนแห่งเทือกเขาคอเคซัส มีอะไรดี ……
1.ยังคงความเป็น antique ทั้งโบสถ์ วิหาร ธรรมชาติ ภูมิประเทศ lifestyle วัฒนธรรม การแต่งกาย อาหาร เราจะได้ไปซึมซับความเป็นจอร์เจีย ดั้งเดิม 100% เพราะไม่แน่ใจว่า อีก 5 ปี 10ปี ถ้านักท่องเที่ยวมากขึ้น หลายๆ อย่างอาจจะเปลี่ยนไป เพื่อรองรับความต้องการของนักท่องเที่ยว
2. โปรแกรมการท่องเที่ยวอาจจะเน้นที่ศาสนสถาน โบสถ์ วิหาร มากหน่อยย เนื่องจากประเทศนี้นับถือศาสนาคริสต์ แต่รับรองว่าสวยงาม มีเรื่องราว และมีเอกภาพในทุกที่
3. คนในประเทศนี้น่ารัก และยังคงยืดหยัดในวัฒนธรรมอย่างเหนียวแน่น ทั้งเสื้อผ้า การละเล่นการแสดงดนตรี
4. มีบินตรงจาก กทม. ไปจอร์เจียแล้วว สบายมากกก ระยะเวลาโดยประมาณ ขาไป 8 ชม. ขากลับ 6 ชม และไม่ต้องใช้วีซ่า
5. ไวน์ดี ถูก คุณภาพเริ่ด ชีสเยอะ คูซเชล่าา มีขายทั่วเมือง ถั่ววอลนัท ถูก เม็ดใหญ่ เคี้ยวมัน น้ำทับทิมสดจากต้นที่บ้านคนขาย (จริงๆ นางบอกเด็ดมาจากต้นที่บ้านเมื่อเช้า)
6.อากาศ หนาววว สะใจ แต่ไม่ทรมาน ไม่จำเป็นต้องขนเป็ดทุกวัน

สำหรับอาหาร มีคำเตือนนิดหน่อย..!!..ด้วยประเทศเรามีอาหารหลากหลาย และสารพัดรส ถึงอกถึงใจ พอมาเจออาหารที่นี่ ทานหลายๆ มื้อก็อาจจะเบื่อได้ ด้วยเคยแซบๆมา เพราะเมนูจะคล้ายๆ เดิม ทุกมื้อ เช่น ขนมปัง พิซซ่า สลัด ไก่ เห็ด แนะนำ!! ให้ติดมาม่า น้ำพริกจิ้มแจ่ว น้ำจิ้มซีฟู้ดมาสักหน่อย จะช่วยเจริญอาหารได้ดี แต่ผลไม้สดม้ากกกก ทับทิม ลูกพีช สาลี่ ส้ม ฯลฯ เครื่องดื่ม คือ ไวน์ น้ำผลไม้ และน้ำแร่ธรรมชาติ

♥️เที่ยว จอร์เจีย ไม่ไกลเกินเอื้อม♥️

ใครพร้อมแล้วมาเลย ก่อนจะช้ำ

“คุ้มเหมือนยุโรป จ่ายแค่เอเชีย

โดยเฉพาะซื้อทัวน์จอร์เจียของยูนิไทย
ลดเยอะ ลดเจ็บ ลดเหมือนแอดมินพิมพ์ผิด