Day1 : สนามบินสุวรรณภูมิ - สนามบินมัสกัต - สนามบินไคโร
Day2 : เมืองหลวงเมมฟิส ซักการา - หมู่บ้านชาวอียิปต์ - ปิรามิด - สฟริงซ์ กีซ่า ไคโร
Day3 : พิพิธภัณฑ์แห่งชาติอียิปต์ - ป้อมปราการชิทาเดล - สุเหร่าแห่งโมฮัมหมัดอาลี - ตลาดข่านเอลคาลีลี
Day4 : นั่งเครื่องบินภายในไปอัสวาน - ล่องเรือใบโบราณเฟลุกะ
Day5 : อบูซิมเบล - มหาวิหารอบูซิมเบล - อัสวาน - เขื่อนยักษ์อัสวาน - เสาหินโอเบลิสก์ - วิหารคอมออมโบ - ชมหุบผากษัตริย์-เอ็ดฟู
Day6 : กวิหารเอ็ดฟู - ลุกซอร์ - อิสระพักผ่อนบนเรือ
Day7 : หุบเขากษัตริย์ - วิหารฮัตเฟตซุส - รูปปั้นหินแมมมอน - วิหารคาร์นัค - วิหารลุกซอร์ - สนามบินลุกซอร์บินภายในไปไคโร - ไคโร
Day8 : มัสกัต (โอมาน) - สนามบินสุวรรณภูมิ
---อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม---
Day1 : สนามบินสุวรรณภูมิ - สนามบินมัสกัต - สนามบินไคโร
06:00 น. คณะผู้เดินทางพร้อมกัน ณ สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ ชั้น 4 ประตูทางเข้าที่ 6-7 แถว M เคาน์เตอร์สายการบินโอมาน แอร์ ซึ่งมีเจ้าหน้าที่บริษัทฯ คอยให้การต้อนรับพร้อมอำนวยความสะดวกด้านสัมภาระแก่ท่าน
09.00 น. ออกเดินทางโดยสายการบิน โอมาน แอร์ เที่ยวบินที่ “WY 818
12.00 น. ถึง สนามบินมัสกัต ประเทศโอมาน เพื่อแวะเปลี่ยนเครื่อง
14.40 น. ออกเดินทางโดยสายการบิน โอมาน แอร์ เที่ยวบินที่ “WY 405
17.00 น. ถึง สนามบินนานาชาติกรุงไคโร ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและรับสัมภาระในการเดินทางเรียบร้อยแล้ว
นำท่านเดินทางสู่ เมืองไคโร (เวลาท้องถิ่นช้ากว่าประเทศไทย 4 ชั่วโมง)
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
ที่พัก Helnan Dreamland Hotel หรือเทียบเท่าระดับ 4 ดาว
Day2 : เมืองหลวงเมมฟิส ซักการา - หมู่บ้านชาวอียิปต์ - ปิรามิด - สฟริงซ์ กีซ่า ไคโร
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
หลังจากนั้นนำคณะเดินทางไป เมืองเมมฟิส ซึ่งเป็นเมืองหลวงเก่าแก่แห่งแรกในยุคอียิปต์โบราณกว่า 5,000 ปี เป็นเมืองที่ได้รับการบันทึกในประวัติศาสตร์ว่ามีความสำคัญในการรวมอียิปต์บน และอียิปต์ล่าง ให้เป็นหนึ่งเดียวโดยกษัตริย์เมนา ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์ที่ 1 ที่นี่ท่านจะได้ชม รูปแกะสลักขนาดยักษ์ ด้วยหินอลาบาสเตอร์ของ ฟาโรห์รามเสสที่ 2 ฝีมือการแกะสลักเป็นเยี่ยม ระหว่างทางท่านจะได้เห็นตัวฐานรากของสถานที่โบราณและรูปแกะสลักจากหินที่ยังหลงเหลืออยู่ในระดับพื้นดิน และต้นอินทผาลัมขึ้นสวยงามเป็นทิวแถว แล้วเดินทางต่อไปยังเมืองโบราณที่ใกล้กันอีกเมืองคือ ซัคคาร่า เพื่อชม ปีรามิดขั้นบันได เป็นสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ ใช้เป็นสถานที่ฝังพระศพของ กษัตริย์ซอเซอร์ และเป็นต้นแบบของปีรามิดในยุคต่อมา ท่านจะได้ทราบเรื่องของปีรามิดตั้งแต่ผู้สร้างไปจนถึงวิธีการสร้าง การตัดหินและอื่นๆ อีกนานับประการที่น่าพิศวงชวนให้ค้นหา
เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย นำคณะเดินทางสู่ เมืองกีซ่า เพื่อเข้าชม “มหาปีรามิด” หนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลก ) เป็นชื่อเรียกของสถานที่ฝังพระศพของเมืองเลโทโพลิสโบราณ(ปัจจุบันคือ ไคโร) ครอบคลุมพื้นที่ 2,000 ตร.ม. บนที่ราบสูงทางทิศตะวันออกเฉียงใต้เป็นที่ตั้งของมหาปิรามิด 3 องค์ ซึ่งองค์ฟาโรห์แห่งอียิปต์โบราณสร้างขึ้นเพื่อฝังพระศพของพระองค์เอง นับเป็นสิ่งก่อสร้างที่ยิ่งใหญ่และเก่าแก่ที่สุดของโลก ใช้เวลาก่อสร้างทั้งสิ้น 30 ปี สร้างจากแท่งหินขนาดใหญ่มาก แต่ละก้อนหนักกว่า 2 ตัน หินแต่ละก้อนวางชิดติดกันแบบแนบสนิทมาก แม้แต่กระดาษก็สอดไม่ผ่าน ซึ่งประกอบด้วย
1) ปิรามิดคีออพส์ (Cheops) หรือปิรามิดคูฟู สร้างในพื้นที่ 53 ตร.ม. สูง 146 เมตร สร้างด้วยหินแกรนิต 2.3 ล้านแท่ง น้าหนักกว่ากว่า 60 ตันภายในมีห้องโถงหลายห้อง ห้องโถงใหญ่ ห้องโถงพระราชา ห้องโถงพระราชินี เป็นปิรามิดที่ใหญ่ที่สุดในโลก กล่าวกันว่าอาจนาวิหารเซ็นต์ปิเตอร์ที่กรุงโรมรวมกับวิหารเซ็นต์ปอลที่ลอนดอน และดูโอโมวิหารแห่งเมืองฟลอเรนซ์ รวมไว้ในปิรามิดแห่งนี้ได้อย่างสบาย
2) ปิรามิดเคเฟรน (Chefren) สร้างโดยฟาโรห์คาแฟ ในปี 2465 ก่อน ค.ศ. สูง 136 เมตร ต่ากว่าปิรามิด 10 เมตร สร้างบนเนินดินขนาดใหญ่ จึงทาให้ดูสง่ากว่าปิรามิด 2 องค์ กินเนื้อที่ประมาณ 1.6 ล้านลูกบาศก์เมตร มีห้องโถงกว้าง 2 ห้อง แต่ภายในถูกบุกรุก ทาลายเสียหายมาก
3) ปิรามิดมิเซรินุส (Mycerinus) สร้างโดยฟาโรห์เมนเคอเร ปี 2420 ก่อน ค.ศ. มีขนาดเล็กที่สุด สูง 66.45 เมตร ปัจจุบันสูงเพียง 62.18 เมตร กว้าง 108 เมตร
ชม “สฟิงซ์” ที่แกะสลักจากเนินหินธรรมชาติ มีส่วนหัวเป็นพระพักตร์ของฟาโรห์และลำตัวเป็นสิงโต ท่านอาจจะขี่อูฐกลางทะเลทรายชมทิวทัศน์รอบๆโดยมีหมู่ปีรามิดเป็นฉากหลัง อิสระเดินเที่ยวตามอัธยาศัย (หรือเข้าไปชมภายในตัวปีระมิดซึ่งเชื่อว่าเป็นที่ฝังพระศพขององค์ฟาโรห์ผู้สร้างปีระมิดนั้น ภายในสร้างเป็นห้องโถงใหญ่ มีทางเดินซึ่งเราสามารถเดินลงไปดูได้ ค่าเข้าชมไม่ได้รวมอยู่ในค่าบริการทัวร์ และต้องไปเข้าคิวซื้อบัตรเอง เนื่องจากในแต่ละวันจะมีผู้เข้าชมได้ไม่เกินวันละ 300 คนเท่านั้น)
แวะชม ศูนย์กลางการทำ “กระดาษปาปีรุส” ซึ่งเป็นกระดาษชนิดแรกของโลกทำจากต้นกก (PAPYRUS) ใช้บันทึกข้อความสรรเสริญเทพเจ้าและเหตุการณ์ในสมัยอียิปต์โบราณพร้อมกับแวะชม โรงงานผลิตหัวน้ำหอม PERFUME FACTORY ซึ่งกล่าวกันว่าการทำน้ำหอมแบบนี้สืบทอดมาตั้งแต่สมัย พระนางคลีโอพัตรา และยังเป็นศูนย์กลาง แหล่งผลิดหัวน้ำหอมขนาดใหญ่ให้กับยี่ห้อแบรนด์เนมดัง ๆหลายยี่ห้ออีกด้วย
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
ที่พัก Helnan Dreamland Hotel หรือเทียบเท่าระดับ 5 ดาว
Day3 : พิพิธภัณฑ์แห่งชาติอียิปต์ - ป้อมปราการชิทาเดล - สุเหร่าแห่งโมฮัมหมัดอาลี - ตลาดข่านเอลคาลีลี
เช้า บริการอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก
จากนั้นนำคณะเดินทางเข้าชม พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติอียิปต์ อันเลื่องชื่อของโลกเป็นสถานที่ที่รวมศิลปะวัตถุโบราณมากมายที่สุดในโลกแห่งหนึ่งชม โลงศพทองคำแท้พร้อมหน้ากากทองคำของฟาโรห์ตุตันคาเมนและสมบัติส่วนตัวอีกมากมายของพระองค์ อาทิ เตียงบรรทม รถศึกและเก้าอี้บรรลังก์ทองคำซึ่งภาพบนพนักเก้าอี้โรแมนติกมาก เป็นภาพของฟาโรห์ตุตันคาเมนนั่งอยู่บนเก้าอี้และมเหสีของพระองค์กำลังทาน้ำมันหอมให้ ทั้งคู่ใส่รองเท้าแตะคนละข้างอันแสดงถึงความรักอันลึกซึ้ง นอกจากนี้ท่านยังจะได้ชมสมบัติอันล้ำค่าอื่นๆ อีกจำนวนมาก เช่น แหวน สร้อยข้อมือ สร้อยคอ ฝีมือประณีต สิ่งของทั้งหมดล้วนมีอายุเก่าแก่กว่า 3,300 ปี (ชมมัมมี่ของฟาโรห์รามเสสที่ 2 และมันมี่ของกษัตริย์ทั้ง 11 พระองค์ ค่าเข้าชมไม่ได้รวมอยู่ในรายการ ประมาณ 100 อิยิปต์ปอนด์)
เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตคารท้องถิ่น
นำทุกท่านขึ้นชม ป้อมปราการ (Citadel) ซึ่งถูกสร้างขึ้นโดย ผู้นำซาลาดินในปี ค.ศ.1176และเสร็จในปี ค.ศ. 1182 เพื่อใช้ในการต่อสู้ในสงครามครูเสด ซึ่งภายในสามารถชมที่พักและที่ตั้งของรัฐบาลในสมัยนั้น ชม สุเหร่าแห่งโมฮัมเม็ดอาลี ซึ่งเริ่มสร้างในปี ค.ศ. 1830 และเสร็จในปี ค.ศ.1857 ออกแบบโดยสถาปนิกชาวกรีกตามแบบอย่างออตโตมันหรือตุรกีในปัจจุบัน ภายในมีนาฬิกาบนลานในสุเหร่าซึ่งเป็นของขวัญในการแลกเปลี่ยนกับอนุสาวรีย์ปลายแหลมโอบิลิสก์ของรามเสสที่ 2 เพื่อเป็นการสร้างสัมพันธไมตรีอันดีระหว่างอียิปต์และฝรั่งเศส พร้อมทั้งจะได้ชมวิวเมืองไคโรจากมุมสูงอิสระเลือกซื้อสิ้นค้าพื้นเมืองมากมายที่ “ตลาดข่านเอลคาลีลี” ตลาดสำคัญทางการค้าขายของพื้นเมืองและแหล่งสินค้าที่ระลึกที่ใหญ่ที่สุดในกรุงไคโร ท่านสามารถเลือกซื้อของพื้นเมืองสวยๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นขวดน้ำหอมที่ทำด้วยมือ สินค้าต่างๆ เครื่องทองรูปพรรณและเพชรพลอยลวดลายแบบอาหรับ พรม และของที่ระลึกแบบพื้นเมือง
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
ที่พัก Helnan Dreamland Hotel หรือเทียบเท่าระดับ 5 ดาว
Day4 : นั่งเครื่องบินภายในไปอัสวาน - ล่องเรือใบโบราณเฟลุกะ
เช้า บริการอาหารเช้า แบบ SET BOX
นำคณะเดินทางไปสนามบินไคโรเพื่อเดินทางไปเมืองอัสวาน
00.00 น. ออกเดินทางโดยสายการบิน อียิปต์ แอร์ เที่ยวบินที่ “…………………..
00.00 น. ถึงสนามบินเมืองอัสวาน
ถึง เมืองอัสวาน จากนั้นเดินทางต่อไปยัง เรือสำราญที่พักซึ่งเป็นเรือสำราญขนาดใหญ่ ล่องไปตามแม่น้ำไนล์ จากนั้นนำท่าน ชม เสาหินโอเบลิสก์ แกะสลักจากหน้าผาซึ่งยังไม่แล้วเสร็จ (The Unfinished Obelisk) เป็นแท่งหินมหึมาที่สกัดเกือบเสร็จแล้ว แต่มีรอยราวจึงทิ้งค้างไว้เช่นนั้น แท่งหินนี้เป็นของพระนางฮัทเชปซุท หากไม่แตกร้าวจะเป็นเสาโอเบลิสก์ที่สูง 41 เมตร หนัก 1,200 ตัน เสาโอเบลิสก์นี้เป็นอนุสาวรีย์ชนิดหนึ่งของอียิปต์โบราณ สร้างเพื่อบูชาแด่เทพ อามุน-รา หรือ สุริยะเทพ
เที่ยง บริการอาหารกลางวัน
ล่องเรือใบโบราณ เรือเฟลุคกะ( Felucca) ผ่านชม สวนพฤกษศาสตร์ (Botanical Gardens) เป็นที่ศูนย์รวมพันธ์ไม้นานาชนิด, สุสานอากาข่าน, วิวชีวิตความเป็นอยู่ของชาวเมืองอัสวานสองข้างทาง ฯลฯ ล่องเรือชมวิวทิวทัศน์อันงดงามหน้าเมืองอัสวานขณะล่องไปตามแม่น้ำไนล์
ค่ำ บริการอาหารค่ำบนเรือ ( บุฟเฟต์ ) และ
พักค้างคืนบนเรือ
Day5 : อบูซิมเบล - มหาวิหารอบูซิมเบล - อัสวาน - เขื่อนยักษ์อัสวาน - เสาหินโอเบลิสก์ - วิหารคอมออมโบ - ชมหุบผากษัตริย์-เอ็ดฟู
เช้า บริการอาหารเช้า
ชม มหาวิหารอาบูซิมเบล ซึ่งประกอบด้วยวิหารใหญ่ของ ฟาโรห์รามเสสที่ 2 และวิหารของ เนเฟอร์ตารี ซึ่งเป็นมเหสีที่รักของพระองค์ วิหารอาบูซิมเบลงดงามยิ่งใหญ่และมีชื่อก้องโลกเพราะเมื่อมีการสร้างเขื่อนขนาดยักษ์ที่อัสวาน ทำให้วิหาร 17 แห่งจมอยู่ใต้น้ำ จนองค์การยูเนสโก้ต้องมาช่วยยกให้และมหาวิหารอาบูซิมเบลก็ถูกยกขึ้นสูงจากพื้นดิน 65 เมตร ซึ่งเป็นงานที่ยากมาก ใช้เวลาทั้งสิ้น 4 ปี สิ้นค่าใช้จ่าย 40 ล้านเหรียญสหรัฐ ภายในวิหารใหญ่มีห้องบูชาและมีรูปสลัก 4 องค์นั่งอยู่ หนึ่งในนั้นคือ ฟาโรห์รามเสสที่ 2 พร้อมด้วยเทพเจ้าต่างๆ อีก 3 องค์ และทุกปีวันที่ 22 ก.พ. และวันที่ 22 ต.ค. ลำแสงแรกของพระอาทิตย์จะสาดส่องเข้าไปต้องรูปสลัก และว่ากันว่าวันที่ 22 ก.พ. ตรงกับวันประสูติของฟาโรห์รามเสสที่ 2 ขณะที่วันที่ 22 ต.ค. ตรงกับวันขึ้นครองราชย์ของพระองค์ แสดงให้เห็นถึงความเจริญทางวิทยาการทางการคำนวณของชาวอียิปต์โบราณ
เที่ยง บริการอาหารกลางวันบนเรือ
นำท่านไปชม เขื่อนยักษ์อัสวาน หรืออีกชื่อหนึ่งเรียกว่า High Dam ที่สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1960 เพื่อ ช่วยให้มีน้ำหล่อเลี้ยงไร่นาตลอดปี อีกทั้งยังใช้พลังน้ำเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าเพื่อให้เพียงพอกับความต้องการของคนทั้งประเทศ และเพื่อป้องกันน้ำไหลท่วมจากแม่น้ำไนล์เวลาฝนตกหนัก ซึ่งเขื่อนนี้มีความยาว 36,000 เมตร ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถมองเห็นทะเลสาบที่เกิดจากการสร้างเขื่อนสร้างแม่น้ำไนล์ คือ ทะเลสาบนัสเซอร์
ขณะที่เรือล่องไป คอมออมโบ (Kom Ombo) ชุมชนที่ตั้งอยู่ติดริมแม่น้ำไนล์ บ้านเรือนส่วนใหญ่สูงเพียง 1 หรือ 2 ชั้น ระหว่างทางผ่านแหล่งเพาะปลูกที่สำคัญริมแม่น้ำ นำท่านชม วิหารคอม-ออม-โบ ตั้งอยู่บนเนินเขาเล็กๆ ที่ล้ำออกมาถึงแม่น้ำไนล์ สามารถเห็นวิวของแม่น้ำไนล์อันงดงาม คำว่า “คอม” เป็นภาษาอาหรับ หมายถึงภูเขาเล็กๆ วิหารนี้เกือบเป็นวิหารอะโครโพลิสของกรีก หินที่ใช้สร้างแตกต่างกับวิหารอื่นๆ อาจเป็นเพราะถูกปกคลุมด้วยทรายเป็นเวลานาน การวางแบบของพื้นที่แปลกและเป็นเฉพาะตัว เป็นวิหารของเทพเจ้าสององค์ คือ เทพโซเบค (Sobek) เทพเจ้าแห่งความอุดมสมบูรณ์ มีรูปร่างเป็นมนุษย์แต่เศียรเป็นจระเข้ และ เทพเจ้าฮาโรเอริส (Haroeris) เทพเจ้าแห่งการแพทย์อียิปต์โบราณ วิหารนี้สร้างบนเนินเขาริมฝั่งแม่น้ำไนล์ เป็นบริเวณที่มีจระเข้ชุกชุมในสมัยโบราณ วัดนี้จึงบูชาเทพโซเบก ซึ่งมีหัวเป็นจระเข้ และมีจระเข้มัมมี่เก็บรักษาไว้ ชมภาพแกะสลักพระนางคลีโอพัตรา ซึ่งเป็นรูปแบบของเครื่องแต่งกายในการทำภาพยนตร์ และภาพแกะสลักที่สำคัญ คือ ภาพแกะสลักการแพทย์แผนโบราณ โดยเฉพาะภาพการคลอดลูกของหญิงอียิปต์โบราณ และปฏิทินโบราณ มีร้านค้ามากมายตั้งอยู่ตลอดแนวท่าเรือ ขายเสื้อผ้าและสินค้าพื้นเมือง
ค่ำ บริการอาหารค่ำบนเรือ ซึ่งมีสถานบันเทิงต่างๆไว้ให้ทุกท่านได้เพลิดเพลิน อาทิเช่น ไนท์คลับ, สระว่ายน้ำ, ร้านขายของที่ระลึก ฯลฯ
พักค้างคืนบนเรือ
Day6 : กวิหารเอ็ดฟู - ลุกซอร์ - อิสระพักผ่อนบนเรือ
เช้า บริการอาหารเช้า
นำท่าน นั่งรถเทียมม้าไปชม วิหารเอ็ดฟู ซึ่งได้รับการยกย่องว่า เป็นวิหารอียิปต์โบราณที่ยังคงสภาพสมบูรณ์ที่สุด ตั้งอยู่ศูนย์กลางของบริเวณที่อยู่อาศัย สร้างขึ้นเพื่อบูชา เทพเจ้าฮอรัส (Horus) มีเศียรเป็นเหนี่ยว เป็นเทพเจ้าแห่งความดีและฉลาดรอบรู้ มองได้ไกลเหมือนตาเหยี่ยว อดีตวิหารถูกปกคลุมด้วยทรายเกือบถึงยอดตัวเสาและหัวเสาเป็นเวลานาน ปี ค.ศ. 1860 มีการขนทราย ปรากฏว่าตัววิหารยังแข็งแรง แน่นหนา ขนาดของวิหารยาว 137 เมตร มีเสาใหญ่แบบไพรอนที่วัดได้ 79 เมตรตรงด้านหน้าและสูง 36 ม. วิหารนี้มีขนาดใหญ่และสวยงาม (กรุณาทิปคนขับรถม้าท่านละ US$ 1)
เที่ยง บริการอาหารกลางวัน
ล่องเรือเดินทางไปยังเมืองลุกซอร์ พักผ่อนตามอัธยาศัยบนเรือสำราญ
ค่ำ บริการอาหารค่ำบนเรือ ซึ่งมีสถานบันเทิงต่างๆไว้ให้ทุกท่านได้เพลิดเพลิน อาทิเช่น ไนท์คลับ, สระว่ายน้ำ, ร้านขายของที่ระลึก ฯลฯ
พักค้างคืนบนเรือ
Day7 : หุบเขากษัตริย์ - วิหารฮัตเฟตซุส - รูปปั้นหินแมมมอน - วิหารคาร์นัค - วิหารลุกซอร์ - สนามบินลุกซอร์บินภายในไปไคโร - ไคโร
เช้า บริการอาหาร ณ ห้องอาหารของเรือ
นำท่านเดินทางข้ามไปฝั่งตะวันตกของแม่น้ำไนล์ (West Bank) หรือ นครธีบส์ในสมัยอียิปต์โบราณ อดีตเชื่อว่าเป็นที่อยู่ของคนตาย หรือ นครของผู้วายชนม์ (Necropolis of Thebes) เต็มไปด้วยกลุ่มโบราณสถานที่มีประวัติน่าพิศวง ปัจจุบันเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ ชม หุบผากษัตริย์ (Valley of the Kings) เป็นที่ฝังพระศพของฟาโรห์ 63 พระองค์ ตั้งอยู่ที่เทือกเขาทีบัน ท่านสามารถเลือกเข้าชมได้เพียง 3 สุสาน ด้านหน้าทางเข้าสุสานฟาโรห์บนยอดเขานั้นดูคล้ายปลายแหลมยอดปิรามิด เป็นการเลือกหวงซุ้ยในการฝั่งศพ ให้คล้ายว่าฝังอยู่ใต้ปิรามิด สุสานเหล่านี้เป็นสุสานที่ถูกเลือกให้เป็นสุสานที่เก็บ มัมมี่และสมบัติของกษัตริย์ถึง 63 สุสาน แต่ละสุสานมีขนาดใหญ่เล็กต่างกัน ขึ้นอยู่กับระยะเวลาครองราชย์ สุสานเริ่มสร้างเมื่อฟาโรห์ครองราชย์ และปิดเมื่อฟาโรห์สิ้นพระชนม์ ภายในหลุมมีจิตรกรรมที่งดงามสีสดใสราวกับเพิ่งวาดเสร็จไม่นานนี้ (ไม่รวมค่าเข้าสุสานของฟาโรห์ตุตันคามอน ท่านละ 100 อิยิปปอนด์ ถ้าต้องการชมกรุณาติดต่อไกด์)
ชม วิหารฮัคเชฟซุต (Temple of QueeHatshepsut) ออกแบบโดยสถาปนิก ชื่อ “เซเนมุท” กว่า 3,500 ปีมาแล้วเป็นที่ประดิษฐานพระศพของ ฟาโรห์หญิงฮัตเชพซุต รู้จักในนาม “ราชินีหนวด” ฟาโรห์หญิงองค์เดียวในประวัติศาสตร์อียิปต์ ที่รุ่งเรืองมากในสมัยของพระองค์ ชมอนุสาวรีย์แห่งเมมนอน (Colossi of Memnon) หรือสุสานของฟาโรห์อาเมนโฮเทปที่ 3 อดีตเคยใช้เป็นวิหารประกอบพิธีศพของอาเมนโฮเทปที่ 3 ประมาณ 2,000 กว่าปีก่อน เกิดเหตุแผ่นดินไหวอย่างรุนแรง ทำให้ตัววิหารพังลงมา เหลือเพียงรูปสลักหินทรายขนาดใหญ่ 2 รูป สูง 20 เมตร
เที่ยง บริการอาหารกลางวัน
นำท่านชม มหาวิหารคาร์นัค (The Temple of Karnak) เป็นวิหารที่ใหญ่ที่สุดในโลก ตัววิหารหลังเดียวมีเนื้อที่ถึง 60 เอเคอร์ ซึ่งใหญ่พอที่จะนำโบสถ์ขนาดใหญ่ของยุโรปไปวางได้ถึง 10 หลัง มหาวิหารแห่งนี้เริ่มก่อสร้างในสมัยฟาโรห์ทุตโมซิสที่ 1 เพื่อถวายแด่เทพอมอน-รา เมื่อกว่า 3,600 ปี มาแล้ว หลังจากนั้น ฟาโรห์องค์ต่างๆ ก็เริ่มสร้างเพิ่มเติม ทำให้วิหารมีขนาดใหญ่ขึ้นอย่างมาก แต่เห็นความยิ่งใหญ่ของวิหารแล้ว ขอให้ทุกท่านลองจินตนาการดูว่าชาวอียิปต์โบราณใช้วิธีใดในการขนย้ายเสา และหิน พร้อมทั้งการแกะสลักลวดลาย ซึ่งเมื่อท่านเห็นความสูงแล้วก็จะยิ่งทำให้นึกไม่ออกก็เป็นได้ ว่าเขาใช้วิธีทำอย่างไร
นำท่านชม วิหารลักซอร์ (The Temple of Luxor) ซึ่งสร้างถวายแก่เทพอมอน-รา กษัตริย์แห่งเทพ เช่นกัน วิหารแห่งนี้ได้รับการบูรณะในปี ค.ศ. 1883 ภายในบริเวณวิหารประกอบด้วยซุ้มประตูขนาดใหญ่และรูปสลักหินแกรนิตขนาด มหึมา สลักเป็นรูปฟาโรห์รามเซสที่ 2 และมหาราชินีเนเฟอตารี ชมเสาโอบิลิสก์ เสาหินแกรนิตขนาดใหญ่ซึ่งแกะสลักด้วยอักษรอียิปต์โบราณ(เฮโรกริฟฟิค) เพื่อสรรเสริญเทพเจ้าอมอนรา ซึ่งท่านอาจจะได้เห็นเสาเช่นนี้อีกที่ ปลาซ เดอ ลา ทริออง (Place de la Triamph) เมืองปารีส ประเทศฝรั่งเศส (แต่เอ๊ะ! ทำไมจึงมีเหมือนกันเล่าอียิปต์ไปเอามาจากฝรั่งเศสหรือ? ลองหาคำตอบดูละกัน)ภาพสลักที่วิหารแห่งนี้ก็ถือได้ว่าน่าสนใจไม่น้อย เช่น ภาพขบวนนักรบเดินแถว ที่สลักอย่างแตกต่างกันว่าเป็นนักรบชนชาติใดบ้าง เห็นแล้วก็ชวนให้นึกถึงภาพสลักขบวนนักรบที่ปราสาทหินในเขมร (ที่ว่าของกลุ่มเสียม --- สยาม จะเดินแตกแถวกัน) นอกจากนั้น ด้านหน้าวิหารจะมี ถนนสฟิงซ์หน้าแพะ (Sphinx Avenue) ยาว 3 กิโลเมตรใช้เป็นทางเชื่อมระหว่างวิหารลักซอร์กับวิหารคาร์นัค
นำท่านเยี่ยมชม พร้อมช้อปปิ้งสินค้าพื้นเมืองที่ตลาดลักซอร์
เดินทางไปยังสนามบินลุกซอร์เพื่อบินไปยังสยามบินไคโร
00.00 น. ออกเดินทางโดยสายการบิน อียิปต์ แอร์ เที่ยวบินที่ “…………………..
00.00 น. ถึงสนามบินเมืองไคโร
ค่ำ บริการอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร
Day8 : มัสกัต (โอมาน) - สนามบินสุวรรณภูมิ
01.25 น. เหินฟ้าสู่สนามบินเมืองมัสกัต ประเทศโอมานเพื่อเปลี่ยนเครื่อง โดยเที่ยวบิน WY 408
07.20 น. ถึงสนามบินเมืองมัสกัต
08.50 น. ออกเดินทางโดยสายการบิน โอมาน แอร์ เที่ยวบินที่ “WY 815
18.00 น. ถึง สนามบินสุวรรณภูมิ ประเทศไทย โดยสวัสดิภาพ และ ความประทับใจมิรู้ลืม