Day 1 :03.00 น. คณะพร้อมกัน ณ สนามบินดอนเมือง อาคารผู้โดยสารขาออกในประเทศ ชั้น 3 อาคาร 2 ประตู 14 เคาน์เตอร์สายการบินนกแอร์(DD) โดยมีเจ้าหน้าที่ของบริษัทฯคอยต้อนรับและอำนวยความสะดวกในการเช็คเอกสารและสัมภาระก่อนการเดินทาง06.00 น. ออกเดินทางสู่ สนามบินหาดใหญ่ จังหวัดสงขลาโดยสายการบินนกแอร์ เที่ยวบินที่ DD70 07.25 น. คณะเดินทางถึง เดินทางสู่ หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา รับสัมภาระเรียบร้อยแล้ว นำท่านเดินทางสู่ วัดช้างให้ วัดเก่าแก่กว่า 300 ปี วัดช้างให้ ถือว่าเป็นวัดต้นตำรับของหลวงปู่ทวด เพราะท่านเป็นเจ้าอาวาสองค์แรกของวัด นำท่านกราบไหว้สถูปหรือมณฑปบรรจุอัฐิหลวงพ่อทวด สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของชาวจังหวัดปัตตานีและใกล้เคียง มีผู้คนไปกราบไหว้บนบานอยู่เนืองนิจ ใครเจ็บไข้ได้ป่วยหรือวัตถุสิ่งของถูกขโมย หรือศูนย์หายก็พากันไปบนบาน ณ ที่สถูปแห่งนี้ วัดช้างให้จึงกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อและเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของจังหวัดปัตตานี ที่มีนักท่องเที่ยวเข้ามากราบสักการะหลวงปู่ทวดอย่างไม่ขาดสายเที่ยง บริการอาหารกลางวันจากนั้น เดินทางสู่ เบตง อำเภอปลายด้ามขวาน ตั้งอยู่ใต้สุดของประเทศไทย เต็มไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ ทั้งธรรมชาติและวัฒนธรรม ก่อนเข้าสู่เขตเมืองเบตง นำท่านแวะ จุดชมวิวหรือสะพานโต๊ะกูแช อีกหนึ่งสถานที่พักผ่อนและชมวิวทิวทัศน์ภูเขาที่โอบล้อมเขื่อนบางลาง ให้ท่านได้ชมวิว สูดอากาศสดชื่น ถ่ายรูปตามอัธยาศัยจากนั้น นำท่านเดินทางเข้าสู่ตัวเมืองเบตง แวะถ่ายรูป ป้าย OK BATONG จุดเช็คอินแรก ที่คอยตอนรับนักท่องเที่ยวที่มาเยือนเมืองในหมอก ดอกไม้งาม แห่งนี้ จากนั้นนำชม อุโมงค์เบตงมงคลฤทธิ์ ตั้งอยู่ บริเวณถนนอมรฤทธิ์ ตัดกับถนนภักดีดำรง ผ่านสวนสาธารณะออกสู่ถนน บริเวณหน้าสวนนก เป็นอุโมงค์รถยนต์ลอดภูเขาแห่งแรกของเมืองไทย ที่ขุดทอดโค้งให้รถวิ่งไปมา ความยาวตลอดอุโมงค์ ประมาณ 268 เมตร และทำเป็นทางเดินตลอดสองข้างทาง นำคณะถ่ายรูปเป็นที่ระลึกบริเวณ ตู้ไปรษณีย์แห่งอำเภอเบตงที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทยและใหญ่ที่สุดในโลก ตู้เดิมตั้งอยู่ที่บริเวณสี่แยกหอนาฬิกาใจกลางเมืองเบตง สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2467 ตั้งแต่ก่อนสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง จุดประสงค์ที่สร้างไว้ในครั้งแรกก็เพื่อใช้เป็นที่กระจายข่าวสารบ้านเมืองให้ชาวเมืองเบตงได้รับฟัง จากวิทยุที่ฝังอยู่ส่วนบนของตู้ และใช้เป็นตู้ไปรษณีย์มาจนทุกวันนี้ ใกล้กันเป็น หอนาฬิกาคู่บ้านคู่เมืองอำเภอเบตง ซึ่งเป็นสิ่งก่อสร้างเก่าแก่อยู่เคียงคู่กับเมืองเบตงมาช้านาน เปรียบเหมือนสัญลักษณ์ที่ตั้งอยู่จุดศูนย์กลางของเมือง บริเวณจุดตัดของถนนสุขยางค์กับถนนรัตนกิจ สร้างด้วยหินอ่อนขาวนวลอันเลื่องชื่อจากยะลาที่ได้รับการยอมรับในเรื่องของความแข็งแรง สวยงาม และคงทน อิสระให้ท่านเก็บภาพที่ระลึกตามอัธยาศัยเย็น บริการอาหารเย็นนำท่านเข้าสู่ที่พัก โรงแรมเบตง เมอร์ลิน หรือเทียบเท่า
Day 2 :เช้า บริการอาหารเช้านำท่านเดินทางสู่ วัดพระโพธิสัตว์กวนอิม มีจุดเด่นคือเจดีย์ 7 ชั้นอันโดดเด่น สร้างขึ้นประมาณปี พ.ศ. 2509 โดยผู้มีจิตศรัทธาได้ร่วมกันบริจาคเงิน สถานที่ศักสิทธิ์และแหล่งศรัทธาของชาวเบตง เป็นที่ประดิษฐานขององค์เทพ อาทิ เจ้าแม่กวนอิม ท่านแป๊ะกง ท่านกวงกง เจ้าแม่จิวหวังเหย่ ยี่หวังต้าตี้ หวาโถ่วเซียนซื่อ ขงจื๊อ เป็นต้น มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวมาเลเซียที่เลื่อมใสศรัทธา เดินทางมาสักการะขอพรด้านการมีบุตรและโชคลาภ จากนั้นนำทุกท่านเดินทางไป เช็คอิน ถ่ายรูปคู่ป้ายใต้สุดแดนสยาม เป็นที่ระลึกตั้งอยู่บริเวณชายแดนปลายสุดถนนทางหลวงหมายเลข 410 ห่างจาก ตัวเมืองประมาณ 7 กิโลเมตร เป็นแนวเขตแดนระหว่างอำเภอเบตง กับ รัฐเปรัคประเทศมาเลเซีย มีเอกลักษณ์ลายเส้นแผนที่ประเทศไทยสีทองโดดเด่นสลักบนป้ายหินอ่อน รายล้อมไปด้วยธรรมชาติและไม้ดอกไม้ประดับอันงดงามจากนั้นนำท่านเดินทางสู่ วัดพุทธาธิวาส ที่ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่บนเนินเขา สักการะพระธาตุเจดีย์พระพุทธธรรมประกาศสีทองเป็นศิลปกรรมแบบศรีวิชัยประยุกต์สวยงามมาก ภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และกราบขอพรพระพุทธธรรมกายมงคลประยุรเกศานนท์สุพพิธาน พระพุทธรูปทองสัมฤทธิ์องค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย นอกจากนี้ยังมีวิหารหลวงปูทวดเหยียบทะเลน้ำจืดให้ท่านได้กราบขอพรถ่ายรูปตามอัธยาศัยจากนั้นแวะร้านรังนกและร้านสมุนไพร เลือกซื้อสินค้า เป็นของฝากตามอัธยาศัยเที่ยง บริการอาหารกลางวันจากนั้น นำท่านเดินทางสู่ สวนหมื่นบุปผา หรือเรียกว่า สวนไม้ดอกเมืองหนาวเบตง เป็นสวนดอกไม้เมืองหนาวแห่งเดียวในภาคใต้ เนื่องจากเบตงมีสภาพอากาศที่เหมาะสม ด้วยสภาพภูมิประเทศที่อยู่สูงจากระดับทะเลปานกลางราว 800 เมตร มีอากาศเย็นสบายตลอดปี ระบบน้ำเพียงพอ จึงมีความเหมาะสมกับการปลูกไม้ดอกเมืองหนาวนานาชนิด สวนดอกไม้นี้อยู่ท่ามกลางภูเขา ในโครงการตามพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่มีดอกไม้นานาพันธุ์บานสะพรั่ง คอยเชื้อเชิญผู้มาเยือน ความสวยงามของดอกไม้ที่ปลูกเรียงรายเป็นทิวแถวเย้ายวนให้นักท่องเที่ยวเข้าไปเที่ยวชม และสัมผัสกับสภาพภูมิอากาศที่มีอุณหภูมิต่ำกว่าพื้นที่อื่นของภาคใต้นำคณะเดินทางสู่ อุโมงค์ปิยะมิตร เป็นอุโมงค์ดินที่อดีตขบวนการโจรคอมมิวนิสต์มลายา (จคม.) สร้างขึ้น สำหรับเป็นฐานปฏิบัติการต่อสู้ทางการเมือง แต่ต่อมาได้กลับมาร่วมพัฒนาชาติไทย อุโมงค์ปิยะมิตร สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2519 ใช้หลบการโจมตีทางอากาศและสะสมเสบียง ในปัจจุบันได้เปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวให้แก่นักท่องเที่ยวที่สนใจเข้ามาเรียนรู้ประวัติศาสตร์ในอดีต ตลอดอุโมงค์จะพบเห็นร่องรอยของการดำเนินชีวิตที่ยังคงหลงเหลืออยู่ เช่น ห้องนอนที่มีเตียงดิน ก่อติดกับผนัง อุปกรณ์ในการสู้รบ และเครื่องไม้เครื่องมือในการเดินป่า รวมทั้งห้องบัญชาการรบ ซึ่งจุคนได้ถึง 200 คนจากนั้น เดินทางสู่ บ่อน้ำร้อนเบตง เป็นบ่อน้ำร้อนธรรมชาติขนาดใหญ่ มีขนาดพื้นที่ประมาณ 3 ไร่ โดยจะมีน้ำร้อนผุดขึ้นมาจากใต้ดิน ประกอบด้วยแร่ธาตุต่างๆ มากมาย อุณหภูมิของน้ำอยู่ที่ประมาณ 80 องศาเซลเซียส ซึ่งตรงจุดที่มีน้ำเดือดนี้ สามารถต้มไข่ไก่ได้จนสุกภายใน 10 นาที ซึ่งแต่ละโซนออกแบบอย่างได้มาตรฐาน ถูกสุขลักษณะ ทั้งบ่อน้ำร้อนบ่อใหญ่ บ่อแช่น้ำร้อนใหม่ และอาคารธาราบำบัด โดยเชื่อกันว่าน้ำแร่แห่งนี้ สามารถบรรเทารักษาโรคภัยต่างๆ ได้เป็นอย่างดี อาทิ โรคปวดเมื่อย โรคเหน็บชา โรคผิวหนัง เป็นต้นเย็น บริการอาหารเย็นนำท่านเข้าสู่ที่พัก โรงแรมเบตง เมอร์ลิน หรือเทียบเท่า
Day 3 :04.00 น. เดินทางสู่ จุดชมวิวทะเลหมอกอัยเยอร์เวง เป็นจุดชมวิวทะเลหมอกยอดฮิตของเบตง อยู่ในพื้นที่ของเขาไมโครเวฟ มีความสูงจากระดับน้ำทะเล 2,038 เมตร เป็นทะเลหมอกที่ใหญ่และสวยงาม ในช่วงเวลาเช้าจุดชมวิวแห่งนี้จะกลายเป็นสวรรค์บนดินเปิดให้นักท่องเที่ยวเต็มอิ่มกับทะเลหมอก สัมผัสอากาศอันบริสุทธิ์ และทัศนียภาพที่สวยงามของยอดเขาไมโครเวฟ (ขึ้นอยู่กับสภาพภูมิอากาศ) อีกหนึ่งไฮไลท์สำหรับการชมทะเลหมอกอัยเยอร์เวง ก็คือ สกายวอล์ค ทะเลหมอกอัยเยอร์เวง ระเบียงทางเดินที่ยื่นออกไปจากฐานมีความยาวรวม 63 เมตร ส่วนปลายเป็นระเบียงชมวิวพื้นกระจกใสที่สามารถมองทะลุลงไปได้ถึงพื้นเบื้องล่าง สามารถชมวิวทิวทัศน์ได้รอบทิศทาง และวิวพระอาทิตย์ขึ้น และทิวทัศน์ของทะเลหมอกอัยเยอร์เวงอันสวยงามสุดอลังการ (ค่าทัวร์ไม่รวมค่ารถมอเตอร์ไซด์ขึ้นจุดชมวิวและค่าถุงผ้าสวมรองเท้าเดินบนสกายวอร์ค)เช้า บริการอาหารเช้า SET BOXแวะถ่ายรูป สะพานแตปูซู เป็นสะพานแขวนแบบพื้นไม้ มีความกว้าง 1.8 เมตร ยาวกว่า 100 เมตร ข้ามแม่น้ำปัตตานี สร้างมาตั้งแต่สมัยอดีตกำนันตำบลอัยเยอร์เวง นายมูเซ็ง แตปูซู ช่วยระดมพลังและเงินสมทบจากชาวบ้านร่วมกับราชการ ที่ไม่เพียงพอ เพราะต้องสั่งสายสลิง สำหรับยึดโยงตัวสะพานจากญี่ปุ่น ซึ่งสมัยนั้นเป็นเรื่องใหญ่มาก สามารถช่วยเหลือความยากลำบากของชาวบ้านที่อยู่อีกฝั่งของแม่น้ำ ซึ่งในขณะนั้นต้องใช้แพไม้ไผ่ข้ามไป-มา ทำให้ชาวบ้านโดยเฉพาะเด็กๆต้องเสียชีวิตทุกปี เวลาขนย้ายผลผลิตการเกษตร หรือคนป่วยก็ลำบากแสนสาหัส การก่อสร้างสะพานแตปูซู ขึ้นมาโดยการร่วมแรงร่วมใจกัน จึงเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของการต่อสู้ของชาว กม.32 ในการเอาชนะธรรมชาติและความรักสามัคคีของคนในชุมชนจากนั้น นำท่านเดินทางสู่ จังหวัด ปัตตานี นำสักการะขอพร ศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว หรือ ศาลเจ้าเล่งจูเกียง ศาลศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองปัตตานีมาแต่สมัยโบราณ ชาวบ้านให้ความเคารพนับถือ เดินทางมาสักการบูชาเพื่อให้ประสบความสำเร็จขอโชค ขอลาภ การค้าขาย หรือแม้แต่ใครเจ็บป่วย ได้รับความเดือดร้อน ประการใด หากได้มาขอพร บนบาน กับเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว ก็จะหายเจ็บหายป่วยพ้นจากความเดือดร้อนเที่ยง บริการอาหารกลางวันสมควรแก่เวลานำท่านเดินทางสู่ สนามบินหาดใหญ่หากมีเวลา อิสระช้อปปิ้งส่งท้ายที่ ตลาดกิมหยง แหล่งสินค้ามีให้เลือกซื้อเลือกหาแทบ ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า รองเท้า ขนมขบเคี้ยว เครื่องสำอางค์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ของเด็กเล่น แว่นตา ตลอดจนเครื่องใช้ในครัวเรือน สินค้าทั่วไป ตลาดกิมหยงจะมี 2 ชั้น ชั้นล่างจะขายสินค้าทั่วไป ส่วนชั้นบนจะเน้นไปทางเครื่องใช้ไฟฟ้า ส่วนด้านตะวันออกจะเป็นลักษณะตลาดสด17.55 น. ออกเดินทางสู่กรุงเทพฯ โดย สายการบินนกแอร์ เที่ยวบินที่ DD50719.15 น. เดินางถึงสนามบินดอนเมือง (กรุงเทพฯ) โดยสวัสดิภาพ พร้อมความประทับใจ