Day 1 : .......... น. พบกัน ณ สนามบินจังหวัดพิษณุโลก พิษณุโลก เป็นจังหวัดตั้งอยู่ในภาคกลางของประเทศไทย มีประชากรในปี พ.ศ. 2561 จำนวน 866,891 คน มีพื้นที่ 10,815.854 ตารางกิโลเมตร แบ่งการปกครองส่วนภูมิภาคออกเป็น 9 อำเภอ มีเทศบาลนครพิษณุโลกเป็นเขตเมืองศูนย์กลางของจังหวัดและเป็นที่ตั้งศาลากลางจังหวัด มีอาณาเขตติดต่อกับแขวงไชยบุรี ประเทศลาวทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของจังหวัด เป็นจังหวัดเดียวของภาคกลางที่มีอาณาเขตติดต่อกับประเทศลาว เข้าสู่ เขาค้อ ชื่อเรียกรวม ของกลุ่มภูเขาน้อยใหญ่ ที่ทอดตัวเรียงราย สลับกันในภาคเหนือตอนล่าง เป็นที่ตั้งของอำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ ซึ่งเป็นอำเภอที่อยู่บนภูเขา เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ เนื่องจากมีอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี แม้แต่ในฤดูร้อน อุณหภูมิเฉลี่ยตลอดทั้งปี เพียง 18-25 องศา ชื่อเขาค้อ มาจากป่าบริเวณนี้มีต้นค้อขึ้นอยู่มาก ซึ่งโดยปกติต้นค้อจะขึ้นในพื้นที่ที่มีภูมิอากาศหนาวเย็น เขาค้อมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายที่น่าสนใจ เช่น พระตำหนักเขาค้อ ยอดเขาผาซ่อนแก้ว อนุสรณ์สถานผู้เสียสละ เขาค้อมีทัศนียภาพที่สวยงาม เป็นแหล่งชมทะเลหมอกแห่งหนึ่งที่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ มากนัก เข้าสู่ จุดชมวิวคิงคอง เขาค้อ ตั้งอยู่บริเวณทุ่งกังหันลมเขาค้อ และไร่ GB เป็นจุดชมวิวที่มีหุ่นฟางคิงคองยักษ์ขนาดใหญ่ ทางเดินลอยฟ้าไปยังลานระเบียงชมวิวที่สามารถมองเห็นวิวของเขาค้อได้แบบพาโนราม่า นอกจากนี้ภายในพื้นที่ของจุดชมวิวยังมีมุมถ่ายภาพที่น่ารักมากมาย ทั้งเปลชิงช้า รูปปั้นยอดมนุษย์ต่าง และมุมของดอกไม้เมืองหนาวและดอกหญ้าพริ้วไหวรวมทั้งที่พักแบบกระโจมเต้นท์วิวดีริมภูเขา รวมทั้ง ร้านกาแฟ คอยให้บริการนักท่องเที่ยว. เข้าสู่ วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว หรือ วัดพระธาตุผาแก้ว เดิมชื่อพุทธธรรมสถานพระธาตุผาซ่อนแก้ว เป็นสถานที่ปฎิบัติธรรมซึ่งมีทิวทัศน์สวยงามรอบด้านมองเห็นผาซ่อนแก้วและทิวเขาสลับซับซ้อน มีศาลาปฎิบัติธรรมประดิษฐานพระพุทธรูปหยกงดงามภายในตกแต่งด้วยภาพวาดศิลปะสวยงามแปลกตา ตั้งอยู่ ณ บริเวณเนินเขาในหมู่บ้านทางแดง ต.แคมป์สน อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งได้เริ่มก่อสร้างในราวปลายปี 2547 โดย คุณภาวิณี และ คุณอุไร โชติกูล ได้มีจิตศรัทธาซื้อที่ดินถวายเริ่มแรกจำนวน 25 ไร่ เพื่อก่อสร้างเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมแก่พระสงฆ์ และพุทธศาสนิกชนทั่วไป ปัจจุบันมีผู้ร่วมถวายปัจจัยซื้อที่ดินเพิ่มรวมทั้งสิ้นมีที่ดินรวม 91 ไร่ สถานที่อันเป็นธรรมภูมิที่งดงาม ซึ่งเรียกว่าผาซ่อนแก้วนี้ มีธรรมชาติเป็นภูเขาที่สูงใหญ่ ซ้อนกันเป็นทิวเขาเรียงรายโอบรอบบริเวณศาลาปฏิบัติธรรม และบนยอดเขาสูงตระหง่านนั้น มีถ้ำอยู่บนปลายยอดเขา ซึ่งมีชาวบ้านทางแดงหลายคน ได้เห็นลูกแก้วลอยเหนือฟากฟ้า และลับหายเข้าไปในถ้ำบนยอดผา ชาวบ้านเชื่อว่าเป็นพระบรมสารีริกธาตุเสด็จมา และต่างถือว่าเป็นสถานที่มงคล มีความศักดิ์สิทธิ์และเรียกตามๆ กันว่า 'ผาซ่อนแก้ว' และพุทธสถานที่มาตั้งในจุดที่โอบล้อมด้วยทิวเขาดังกล่าว จึงเรียกว่า 'พุทธธรรมสถานผาซ่อนแก้ว' เพื่อเป็นนิมิตมงคลแก่ชาวบ้านทางแดง และผู้มาปฏิบัติธรรมสืบไป. เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร เข้าสู่ ภูทับเบิก ชมวิวแบบ 360 องศาที่ภูทับเบิก ซึ่งเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในจังหวัดเพชรบูรณ์ มีระดับความสูงถึง 1,768 จากระดับน้ำทะเล มีอากาศที่ค่อนข้างเย็นตลอดทั้งปี ที่นี่เต็มไปด้วยพื้นที่สีเขียว คือกะหล่ำปลีลูกกลม ที่รายล้อม ปกครองอาณาเขตภูเขาบริเวณหลายต่อหลายลูก กะหล่ำปลีจะปลูกอยู่2ช่วงคือ ช่วงที่ 1 ตั้งแต่กลางเดือนพฤษภาคม-กรกฎาคม และช่วงที่ 2 เดือนตุลาคม-กลางเดือนธันวาคม อิสระถ่ายรูปชื่นชมบรรยากาศตามอัธยาศัย สมควรแก่เวลา นำท่านเดินทางสู่ จังหวัดเลย ให้ท่านได้พักผ่อนชมวิวบนรถตามอัธยาศัย เข้าสู่ พระธาตุศรีสองรัก ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำหมัน อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย สร้างขึ้นสมัยพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช เมื่อปี พ.ศ. 2103 เสร็จในปี พ.ศ. 2106 พระธาตุศรีสองรักสร้างขึ้นเพื่อให้เป็นสักขีพยานในการช่วยเหลือซึ่งกันและกันระหว่างกรุงศรีอยุธยา (สมัยสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ) กับกรุงศรีสัตนาคนหุต (ปัจจุบันคือเวียงจันทน์ ประเทศลาว)กษัตริย์ทั้งสองพระองค์ทรงครองราชสมบัติ ตรงกับสมัยที่พม่าเรืองอำนาจ และมีการรุกรานดินแดนต่าง ๆ เพื่อขยายอำนาจ สมเด็จพระมหาจักรพรรดิและพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชจึงตกลงรวมกำลัง เพื่อต่อสู้กับพม่า จึงทรงกระทำสัตยาธิษฐานว่าจะไม่ล่วงล้ำดินแดนของกันและกัน และเพื่อเป็นที่ระลึกในการทำไมตรีต่อกัน จึงได้ร่วมกันสร้างพระธาตุศรีสองรักเพื่อเป็นสักขีพยาน ณ กึ่งกลางระหว่างแม่น้ำน่านและแม่น้ำโขง ซึ่งเป็นรอยต่อของทั้งสองราชอาณาจักร นอกจากนี้ภายในวัดยังมีพระพุทธรูปปางนาคปรก ศิลปะล้านช้างทรงเครื่องอยุธยา หัวนาคปรกสร้างด้วยศิลา องค์พระพุทธรูปสร้างด้วยทองสำริด มีหน้าตักกว้าง 21 นิ้ว สูง 30 นิ้ว ทุกวันขึ้น 15 เดือน 6 ชาวอำเภอด่านซ้าย หรือ'ลูกผึ้งลูกเทียน' จะร่วมกันจัดงานสมโภชพระธาตุขึ้น โดยจะนำต้นผึ้ง มาถวายพระธาตุถือเป็นประเพณีอันศักดิ์สิทธิ์ที่เกิดขึ้นประจำทุกปี หมายเหตุ : ห้ามสวมเสื้อผ้าที่มีสีแดงทั้งภายในและนอก อิสระขอพรตามอัธยาศัย จนถึงเวลานัดหมาย จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ อำเภอภูเรือ ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร ที่พัก ระดับ 3 ดาว หรือเทียบเท่า Day 2 : เช้ามึด เข้าสู่ อุทยานแห่งชาติภูเรือ อุทยานแห่งชาติตั้งอยู่ที่ ตำบลหนองบัว อำเภอภูเรือ และอำเภอท่าลี่ จังหวัดเลย อาณาเขตทางทิศเหนือติดกับประเทศลาว เป็นภูเขาสูงบนยอดเขาเป็นที่ราบกว้างมีต้นสนจำนวนมาก ขึ้นสลับซับซ้อน มีลักษณะแปลกก็คือ มีส่วนหนึ่งเป็นผาชะโงกยื่นออกมาเหมือนหัวเรือสำเภาขนาดใหญ่ ลักษณะภูมิประเทศของอุทยานแห่งชาติภูเรือเมื่อมองโดยรอบในที่สูงจะเห็นทิวเขาสลับซับซ้อนกันสวยงาม ประกอบด้วยเขาหินประเภทต่าง ทรายและหินแกรนิสสสับกัน อากาศหนาวเย็นตลอดปีและเป็นอุทยานที่มีอากาศหนาวเย็นที่สุดของประเทศโดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวจะหนาวเย็นมาก จนกระทั่งน้ำค้างบนยอดหญ้าจะแข็งตัว ภาษาพื้นเมือง เรียกว่า 'แม่คะนิ้ง' ช่วงเดือนที่เหมาะที่จะมาเที่ยวคือเดือนตุลาคม-มีนาคม. เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหาร เข้าสู่ วัดสมเด็จภูเรือมิ่งเมือง หรือ วัดภูเรือมิ่งเมือง อำเภอภูเรือ จังหวัดเลย ชื่อเดิมวัดพระกริ่งปวเรศ ตั้งอยู่ท่ามกลางทัศนียภาพอันสวยงามของขุนเขาที่ขึ้นสลับซับซ้อนกันไปมาในอำเภอ ภูเรือ จังหวัด เลย และเป็นที่ประดิษฐาน องค์พระพุทธรูป พระพุทธเจ้าไภสัชยาคุรุไวฑูรยประภา จอมแพทย์ (พระกริ่งปวเรศ) บรรจุองค์พระบรมสารีริกธาตุเพื่อบรรจุไว้ที่องค์พระปฏิมากรนี้ ตัวอาคารมีสถาปัตยกรรม ศิลปกรรม และประติมากรรมที่งดงามยิ่ง หลังคาที่ผสมผสานความงามสไตล์ไม้สนซีดาร์ ผลิตมาจากFiber Cement ที่ใช้นวัตกรรมขั้นสูง น้ำหนักเบา งดงามตามแบบ Natural Look มีสิ่งที่น่าสนใจมากมาย โบสถ์วิหารงานไม้สลักอลังการ พระนอน พระวิหาร นาคหัวบันได แกะจากหินหยกแม่น้ำโขง แท่งตันๆ สวยงาม. เข้าสู่ วัดป่าห้วยลาด เดิมคือสำนักสงฆ์ห้วยลาดก่อตั้งขึ้นโดย หลวงปู่ชอบ ฐานสโม ภายในอุโบสถเป็นที่ประดิษฐานของพระสัพพัญญูเป็นพระประธานสีขาวหรือหลวงพ่อขาวองค์ขนาดใหญ่สวยงามด้านบนจะเป็นที่ตั้งของวิหารสร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็กโครงหลังคาเหล็กมุงด้วยกระเบื้องดินเผา ทรงไทยประยุกต์ กว้าง 12 เมตร ยาว 25 เมตร ใช้ปฏิบัติกิจกรรมของพระสงฆ์ และประกอบพิธี ในวันสำคัญทางพุทธศาสนา. จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เชียงคาน เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร เข้าสู่ วัดศรีคุณเมือง หรือ วัดใหญ่ เป็นวัดเก่าแก่ที่อยู่คู่บ้านคู่เมืองเชียงคานมาอย่างยาวนาน ภายในวัดมีพระประธานในพระอุโบสถวัดศรีคุณเมืองเป็นพระพุทธปฏิมาประทับขัดสมาธิราบนาคปรกอายุกว่า 300 ปี ในวัดเป็นกำแพงแก้วล้อมรอบตัวพระอุโบสถ วัดนี้ถูกขนานนามว่าเป็นแหล่งรวมงานศิลปะทั้งแบบล้านนาและล้านช้างซึ่งเห็นได้จากโบสถ์ ที่มีหลังคาลดหลั่นอย่างศิลปะล้านนา ศิลปวัถตุที่สำคัญมีหลายชิ้นเช่นพระพุทธรูปไม้จำหลักลงรักปิดทองปางประทานอภัยแบบล้านช้าง พระพุทธรูปดังกล่าวจะมีพระเกศาเป็นปุ่มแหลมเล็ก พระกรรณค่อนข้างแหลมและยาว สันนิษฐานว่ามีอายุในราวพุทธศตวรรษที่ 24-25 นอกจากนี้ในวัดยังมีธรรมาสน์ไม้แกะสลักลงรักปิดทองทุกด้านที่พนักหลังมียอดคล้ายปราสาท ด้านหน้าโบสถ์มีภาพจิตรกรรมฝาผนังอยู่เต็มหน้าบัน ภาพทั้งหมดเป็นภาพนิทานชาดกชุดพระเจ้าสิบชาติซึ่งวาดขึ้นใหม่แทนของเดิม เข้าสู่ วัดพระบาทภูควายเงิน ศาสนสถานศักดิ์สิทธิ์สำคัญที่อยู่คู่บ้านคู่เมืองเชียงคานมานาน สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2300 เป็นวัดที่ตั้งอยู่บนเขาสูงจากระดับน้ำทะเล 400 เมตร บ้านผาแบ่น ถนนเชียงคาน-ปากชม บริเวณวัดพระพุทธบาทภูควายเงินแห่งนี้ มีรอยพระพุทธบาทที่ประดิษฐานอยู่บนหินลับพร้า (หินลับมีด) ซึ่งมีลักษณะเป็นรอยแตก แต่ไม่มีอักษรจารึก รูปลักษณะเหมือนรอยพระพุทธบาทจริงและได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานแล้ว เมื่อวันที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2478 และยังมีพระเจ้าใหญ่พุทธฉัพรรณรังสี พระพุทธรูปปูนปั้นสีขาวองค์ใหญ่ เชิญท่านสักการะตามอัธยาศัย จนถึงเวลานัดหมาย. เข้าสู่ แก่งคุดคู้ แก่งหินขนาดใหญ่ขวางอยู่กลางลำน้ำโขง แก่งคุดคู้อยู่ห่างจาก ตัวอำเภอเชียงคาน ประมาณ 3 กิโลเมตร เป็นแก่งกลางแม่น้ำโขง ประกอบด้วยหินก้อนใหญ่ ๆ เป็นจำนวนมาก ตัวแก่งกว้างใหญ่เกือบจรด สองฝั่งแม่น้ำโขง มีกระแสน้ำไหลผ่าน ไปเพียงช่องแคบ ๆ ใกล้ฝั่งทะเลไทย ซึ่งกระแสน้ำเชี่ยวกราก เวลาที่เหมาะ ที่จะมาชมแก่งคุดคู้ที่สุด คือ เดือนกุมภาพันธ์ ถึง เดือนพฤษภาคม ซึ่งเป็นเวลาที่น้ำแห้ง สามารถมองเห็นเกาะแก่งต่าง ๆ ชัดเจนบริเวณแก่ง มีร้านอาหารและร้านจำหน่ายสินค้าเสื้อผ้ามากมาย. เข้าสู่ ถนนคนเดินเชียงคาน อยู่บริเวณถนนสายล่าง ในตัวอำเภอเมืองเชียงคาน ซึ่งเป็นถนนที่เลียบไปกับแม่น้ำโขง หรือที่เรียกว่า 'ถนนชายโขง' ถนนเส้นนี้มีเสน่ห์ที่บ้านเรือนไม้ในบรรยากาศเก่าๆที่เป็นเสน่ห์ดึงดูดผู้คนให้มาเยือน ปัจจุบันจัดให้มีการปิดถนนทำเป็นถนนคนเดินเชียงคาน ในเย็นวันศุกร์ และวันเสาร์ ตั้งแต่หน้าวัดท่าครก(เชียงคานซอย20) เรื่อยไปจนถึงวัดศรีคุนเมือง(เชียงคานซอย6) ส่วนวันอื่นๆนั้นไม่ได้ปิดถนนอย่างเป็นทางการรถสามารถวิ่งได้ แต่จะเป็นการวิ่งรถแบบ one way และร้านค้า ร้านขายของที่ระลึก ส่วนใหญ่เปิดให้บริการกันตามปกติ บนถนนคนเดินเชียงคาน จะเต็มไปด้วย ที่พัก รีสอร์ท โฮมสเตย์ จำนวนมากตลอดแนวถนน มีร้านอาหารและร้านกาแฟน่ารักหลายร้านเปิดให้บริการ อิสระอาหารเย็นตามอัธยาศัย ที่พัก ระดับ 3 ดาว หรือเทียบเท่า Day 3 : เช้ามึด ร่วม ตักบาตรข้าวเหนียว เป็นเอกลักษณ์อีกอย่างหนึ่ง ของเมืองเชียงคาน ในยามเช้า นักท่องเที่ยวจะมานั่งรอใส่บาตร ข้าวเหนียวนึ่งร้อนๆ เป็นประเพณีที่สืบทอดกันมายาวนานของวิถีชีวิตที่สงบ เรียบง่าย อิสระให้ท่านเดินสัมผัสวิถีชีวิตชาวเชียงคาน ณ ตลาดเช้าเชียงคาน อิสระอาหารเช้าตามอัธยาศัย เข้าสู่ หมู่บ้านวัฒนธรรมไทดำ บ้านนาป่าหนาด เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ซึ่งอยู่ห่างจากตัวอำเภอเชียงคานประมาณ 20 กิโลเมตร เป็นหมู่บ้านที่ยังสืบสานตำนานและประเพณีวัฒนธรรมไทดำให้คงอยู่สู่รุ่นลูกรุ่นหลานในปัจจุบัน เป็นสถานที่รวบรวมประวัติความเป็นมา รูปแบบบ้านเรือน สิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ ของชาวไทดำ รวมทั้งเป็นศูนย์เรียนรู้ และเป็นสถานที่รวมกลุ่มทำงานหัตถกรรม งานฝีมือของชาวบ้านอีกด้วย ที่เรียกชื่อว่า ไทดำ เพราะนิยมสวมเสื้อผ้าสีดำ ซึ่งสีดำที่ใช้ย้อมสีเสื้อผ้ามาจากต้นห้อมหรือต้นคราม ที่นี่เป็นศูนย์กลางการรวมกลุ่มของชาวบ้านในการทำงานด้านหัตถกรรม ซึ่งหลักๆ ก็จะทำการทอผ้าด้วยวิธีแบบเดิม และดัดแปลงตัดผ้าเป็นผ้าคลุม ผ้าถุง เสื้อ ไว้สำหรับขายให้นักท่องเที่ยวสามารถอุดหนุนเป็นของฝากของที่ระลึกได้ เข้าชมพิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมเรื่องราวและเก็บรักษาอุปกรณ์เครื่องใช้ของชาวไทดำที่ยังคงอนุรักษ์ไว้ จัดแสดงให้นักท่องเที่ยวได้มาเที่ยวชม จุดเด่นของที่นี่ก็คือ ตั้งอยู่ท่ามกลางทุ่งนาเขียวขจี มีฉากหลังเป็นภูเขาสวยงามลงตัวทีเดียว หมายเหตุ : เดือนตุลาคมหรือกรณีสกายวอล์คเชียงคานเปิดให้เข้าชมแล้วจะเปลี่ยนจากเที่ยวหมู่บ้านวัฒนธรรมไทดำ บ้านนาป่าหนาดและบ้านพิพิธภัณฑ์ไทดำเป็นสกายวอล์คเชียงคานแทน เข้าสู่ สกายวอล์คเชียงคาน แลนด์มาร์คแห่งใหม่เมืองเลย ให้ท่านได้ท่องเที่ยวสัมผัสความสวยงามและความเสียวจากมุมสูง มีความสูงกว่าระดับแม่น้ำโขง 80 เมตร หรือเท่ากับตึก 30 ชั้น มีทางเดินพื้นกระจก 2 เมตร ความยาว 80 เมตร มองเห็นแม่น้ำเหืองที่ไหลผ่านมาบรรจบแม่น้ำโขง ที่กั้นพรมแดนไทย-ลาว และให้ท่านได้กราบไหว้ ขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ พระใหญ่ภูคกงิ้ว เป็นพระพุทธรูปปางลีลาประทานพร สูงกว่า 19 เมตร อยู่ใกล้บริเวณสกายวอล์คเชียงคาน จากนั้นนำท่านเดินทางสู่จังหวัดเลย ระหว่างทาง แวะซื้อของฝากที่ไร่กำนันจุล เป็นจุดซื้อของฝากหลากหลายชนิดเช่น ผลไม้สด สินค้าออแกนิค อาหารแปรรูป ปลาส้ม มะขาม ขนมของฝากต่างๆ มากมาย อิสระตาใมอัธยาศัย จนถึงเวลานัดหมาย. ............ น. ส่ง สนามบินจังหวัดเลย. เหนือความคิดถึง