Posted on

เที่ยวสิงคโปร์ Landmark เด็ดต้องไปโดน

ขอเล่าประสบการณ์ไปเที่ยวต่างประเทศครั้งแรก !! ของ 1กะเทยและ 1 ชะนี โดยจุดหมายปลายทางที่เรา2 คน เลือกเป็นปฐมบทของการเปิดโลกกว้าง เดินทางออกจากแผ่นดินเกิดเป็นครั้งแรกคือ!! ” ประเทศสิงคโปร์ ” เหตุผลที่เราเลือกสิงคโปร์ก็เพราะว่าเป็นประเทศที่ใกล้ไทยแลนด์ของเราม๊าก ใช้เวลาในการนั่งเครื่องเพียง 2 ชม นิดๆ แถมที่สำคัญอาหารการกินเอย วัฒนธรรมต่างๆ อากงอากาศ ก็คล้ายกับบ้านเรา ด้วยเหตุผลทั้งปวงเหล่านี้ก็คิดว่าเหมาะสมที่สุดแล้วสำหรับกะเทยตัวน้อยๆ จะออกไปเปิดประสบการณ์ครั้งแรก

แต่!! ถ้าคิดว่าพวกเรานั้นจะไปกันเอง คุณประเมินความสามารถของเราสูงเกินไป 5555 พวกเรา2คนตกลงและลงความเห็นกันแล้วว่า ไปกับทัวร์เหอะ !! ไปเองคงไม่รอดอ่าแม่ !  ( ไปกับทัวร์อ่าดีแล้ว จะได้ไม่สร้างความเดือดร้อนให้ใคร ) พวกเรา2คนก็หาข้อมูลทัวร์และได้ข้อสรุปว่า เลือกใช้บริการจาก ” unithaitrip ” ด้วยชื่อเสียงที่ใครๆ ก็รู้กันอยู่แล้ว ต้นตำหรับทัวร์ไฟใหม้เด้อ 

แพคเกจที่เราเลือกนี้ก็ราคาเบาๆ เหมาะแก่สาวออฟฟิศทอย่างเรามากๆ ที่ไปในช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ลาแค่วันศุกร์วันเดียว คือดีย์ โดยสถานที่ท่องเที่ยวที่เค้าจัดมาให้ก็ถือได้ว่าครบ จุดไฮไลค์สำคัญๆเขาพาไปหมด ( รูปอาจมีไม่ครบเด้อ มัวแต่ตื่นเต้น 555 ) แถมยังมีฟรีเดย์ให้เลือกอีก จุกมากแม่พูดเลย  ลำใยมามากพอละ ดิฉันจะเล่าให้ฟังว่าอะไรยังไง เผื่อใครไปเที่ยวครั้งแรกแล้วไม่มั่นใจอาจเลือกไปกับทัวร์ดูก่อน แบบเรา รูปภาพอาจไม่ครบทั้งหมด ก็ขออภัยมาล่วงหน้าเด้อ 

วันแรกของการเดินทาง
เอาตรงๆ คือตื่นเต้นม๊ากก ตื่นเต้นแบบไม่กล้านอนเลย ( ไม่ใช่ไรนะ กลัวตื่นไม่ทัน ) ทางทัวร์ได้นัดหมายเราเวลา 04.30 เช้าม๊ากเว่อร์ !! แต่ก็ถือว่าโอเค เวลากำลังดี  ซึ่งกะเทยเองก็ด้วยความว่ากลัวตัวเองจะไม่ทันและบ้านไกล เรียกคุณพี่แกร๊ป คุณพี่แท็กซี่ ค่อนข้างยาก ในเวลาปกติก็อยากอยู่แล้ว แล้วนี่คือในยามวิกาล ยิ่งยากไปอี๊ก แต่ก็ไม่เกินความพยายามของกะเทย กะเทยเองก็มาถึงสนามบินตอนตี 2 (ถึงก่อนเวลานัดเหลือๆ ไปอี๊กก) ด้วยความที่เวลาเหลือ ก็เลยใช้เวลาให้เป็นประโยชน์ กะเทยสายโซเชียลอย่างเราจะไปพลาดเรื่องอินเทอร์เน็ตได้ยังไง!
ดิฉันก็เลยเดินสวยๆพุ่งตรงไปจัดการเรื่องอินเทอร์เน็ตให้เรียบร้อย โดยเลือกใช้ซิม 2 fly ของ ais ในราคา 399 บาท เน็ตเต็มสปีด 8 GB 8 วัน โดยทางร้านก็ใจดีสมัครและเปลี่ยนให้เสร็จสรรพพร้อมใช้งาน โล่งใจละ  พอถึงเวลานัดหมายก็มีเจ้าหน้าที่มาคอยต้อนรับและพาเราไปเชคอิน โหลดสำภาระ จากนั้นเมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการของทาง ตม เอ้ออ !! ลืมบอกว่าในการบินครั้งนี้ เราบินของสายการบิน thai lion air เที่ยวบิน sl100 07.40 – 11.20 เมื่อผ่าน ตม มาแล้วสองสาวก็พุ่งตรงไปยังโซน deuty free แบบไม่ต้องคิด ซึ่งทางเรานั้นไปอ่านเจอมาว่า อย่าพึ่งรีบซื้อให้เชคราคาก่อน เพราะทางสิงคโปร์จะถูกกว่า ก็เลยได้เชคราคาและจดไว้ โอ่ย ~~ ขี้โม้มาเยอะละ ถึงเวลาบินแล้วจ้า💁🏼‍♀️ ตื่นเต้นๆๆ #ฟ้าจะบิน 
ในที่สุดก็เดินทางมาถึงแล้วว  ” สิงคโปร์ ”  เมื่อเราเดินทางมาถึงไกด์ก็จะนัดรวมตัวและให้เตรียมพาสปอตและ ใบ ตม. จากนั้นก็แนะนำขั้นตอนว่าต้องทำอะไรยังไง นี่ในใจคือกลัวมาก จะผ่านไหมเนี่ยย  ซึ่งขั้นตอนก็ไม่ได้มีอะไรมาก ง่ายและใช้เวลาเพียงแปปเดียวเท่านั้น เมื่อเสร็จสิ้นขั้นตอนของ ตม.และรับกระเป๋าเรียบร้อยแล้ว ไกด์  ก็จะพาเดินไปขึ้นรถที่มารอจอดรับ โดยเวลาของสิงคโปร์จะเร็วกว่าประเทศไทย 1 ชม ถ้าใครใช้สมาร์ทโฟนอยู่แล้วก็จะไม่มีปัญหา ระบบจะเปลี่ยนให้อัตโนมัติ  เมื่อขึ้นมาบนรถไกด์ก็จะแนะนำและให้ข้อมูลต่างๆ ขอแลนด์มาร์คที่สำคัยๆของที่นี้

ตลอดการเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ไกด์ก็จะคอยให้ความรู้เกี่ยวกับสิงค์โปร์ต่างๆทั้งด้านประวัติศาสตร์ การเมือง การศึกษา วัฒนธรรม การดำรงชีวิต โอ่ยครบมากแม่ ไม่ได้มาเที่ยวเฉยๆเด้อ ได้ความรู้ด้วย ไกด์ท้องถิ่นก็เป็นคนไทยที่อาศัยอยู่ในสิงคโปร์ ชื่อว่าพี่หน่อย  รับรองความอัพเดทของข้อมูลสุดๆๆ ได้เปิดโลกมาก หลายๆอย่างก็ทำเราอึ้งเลยทีเดียว 
 สำหรับอาหารขึ้นชื่อที่พลาดไม่ได้ของที่นี้ก็คือ นี้เลย ร้านข้าวมันไก่ boon tong kee  จุดแรกเลยที่เราไปกัน ก็จะเป็นร้านข้าวมันไก่ที่ดังสุดๆ ขนาดขนาดที่ว่า ถ้าใครมาสิงค์โปร์ต้องมากินตอนแรกก็ไม่ได้ว้าวหรือตื่นเต้นอะไรนะ คิดในใจ ก็แค่ข้าวมันไก่ป่ะ แต่พอได้กินเท่านั้นแหล่ะ โอ้โห้ !! คือมันอร่อยม๊าก มากของมากของมาก จริงๆ คิดภาพง่ายๆ ถ้าเป็นในการ์ตูนคือ ต้องมีแสงขึ้นมาแล้วความดีความเริ่มจากที่ไก่ คือไก่มาเป็นตัว ชิ้นใหญ่ เต็มคำมาก no  ตบไก่แบนอย่างไทยแลนด์แต่นอน
มันมาแบบชิ้นใหญ่มากจริงๆ หนังไก่นี่เงาวั๊บ เนื้อไก่มีความชุ่มชั่มไม่แห้งเลย จุ๊ยซี่มากๆ มาในส่วนของข้าว ดีไม่แพ้ไก่ ข้าวมีความมันกำลังดี เม็ดข้าวเรียงตัวสวย ไม่แห้ง ไม่แข็ง ข้าวนุ่มกำลังดี ไม่เลี่ยนเลยจ้า และทีเด็ด คือน้ำจะเป็นน้ำจิ้มพริกกับขิง รสชาติคล้ายๆบ้านเรา อร่อยทั้ง 2 แบบ พอกินทั้งสามอย่างรวมกันนะ โหว คือหยุดไม่ได้แล้วแม่ !! มันอร่อยมาก ฟินสุดพูดเลย อร่อยจริงไม่จกตา

เมื่อกินอิ่มแล้ว เราก็มาต่ออีก 1 จุดไฮไลท์สำคัญ garden by the bay จะเป็นอาคารเรือนกระจก สวนพฤษศาสตร์ที่ใหญ่มาก ย้ำ!! ใหญ่มาก โดยค่าเข้าชมจะอยู่ที่ประมาณ 28 เหรียญ อันนี้ต้องซื้อเองนะจ๊ะ ไม่รวมในแพคเกจทัวร์ โดยตัวเรือนกระจกจะแบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกก็จะเป็น สวนหมุนเวียนโดยแต่ละช่วงก็จะมาการจัดแสดงพันธุ์ไม้ต่างๆ หมุนเวียนกันไป
อีกจุดก็จะเป็นไฮท์ไลท์เบยจ้า จะเป็นเหมือนภูเขาและมี sky walk วนรอบ เราสามารถเดินรอบๆ ได้ คือสวยมาก ถ่ายมุมใหนก็สวย ตาสีตาสาอีแก้วอีคำมาถ่ายก็ยังสวย ตอนแรกคิดว่าข้างในจะร้อนเว้ย เพร่ะเห็นเป็นเรือนกระจก แต่ไม่ใช่จ้า เย็นมาก เย็นกำลังดี เย็นแบบพร้อมนอนอ่า คือถ่ายรูปได้เรื่อยๆไม่เหนื่อยเลย ใครแต่งหน้ามาคือไม่เปื่อย อากาศข้างในโอเคมาก คุ้มค่ากับค่าเข้ามากจริงๆ ตอนเดินเข้าไปในหัวคือ ตะโกนคำว่ โอ้โห้ อยู่ตลอด คือยอมใจในประเทศนี้มากจริงๆ ทำสุดไรสุดมาก
วัดพระเขี้ยวแก้ว  อีกที่สำหรับสายบุญ สายมูเตรู คือวัด Buddha Tooth Relic Templeเรียกเป็นภาษาไทยว่าวัดเขี้ยวแก้วตั้งอยู่ใกล้ๆ กับ Chinatown ด้านในเป็นพิพิธภัณฑ์ของศาสนาพุทธ มีบางชิ้นมาจากประเทศไทยด้วย  ชั้นบนสุดได้เก็บพระบรมสารีริกธาตุ พระเขี้ยวแก้ว (พระทนต์) ของพระพุทธเจ้าไว้
ตกเย็นมาทางทัวร์ก็พาเรานั่งชรถชมบรรยากาศยามค่ำคืน และรงมายังห้าง Shoppes เพื่อมาดูการแสดงแสงสี Wonder Full-Light & Water เป็นโชว์แสงสีที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีเลเซอร์ยิงมาจากยอดตึกเรือลงมาที่น้ำพุหน้าห้าง คืออลังการเว่อร์ มาเต็มจ้าทั้งแสง สี เสียง  ที่สำคัญเลยเข้าชมฟรี ไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ หรือใครดูเสร็จแล้วอยากช็อปปิ้ง ก็สามารถนะ ภายในห้างเอกก็ร้านมีแบรนด์เนม อยู่หลายร้านทั้ง dior gucci fendi chanel มีมากกว่าที่เอ่ยมา ส่วนทางเรานั้นก็ได้แค่เดินมอง

ส่วนเวลาการแสดงโชว์
วันอาทิตย์ – พฤหัสบดี : 20:00 น., 21:30 น.
วันศุกร์, เสาร์ : 20:00 น., 21:30 น., 23:00 น.

merlion จุดสำคัญที่หากว่าได้มาเยือนแล้ว ไม่มาหาน้องเค้า ก็ถือว่ามาไม่ถึงน๊ะจ๊ะ ก็คือน้อง merlion ซึ่งถือได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ของประเทศสิงคโปร์เลยก็ว่าได้ โดยน้อง merlion รูปปั้นนี้มีหัวเป็นสิงโต ร่างเป็นปลา ยืนอยู่บนยอดคลื่น หันหน้าออกทะเลพ่นน้ำออกจากปาก  ท่ายอดฮิตในการถ่ายรูปก็จะมี แอ๊บแอ๊ทำเป็นพ่นออกจากปากตัวเองบ้าง ทำเป็นรับน้ำบ้าง หรือจะยืนถ่ายสวยๆก็เริ่ดเด้อ อันนี้แนะนำว่า ควรมาเช้าหน่อย คนจะได้ไม่เยอะและไม่ร้อน มากกก
jewel changi airport  เป็นอีกจุดที่ไม่ควรพลาดเลย  เพิ่งเปิดมาหมาดๆ สดๆร้อนๆ โดยตัว jewel จะเป็นแหล่งการค้าและศูนย์รวมความบันเทิงที่เป็นธรรมชาติบนสนามบินชางงีของสิงคโปร ์ ซึ่งสนามบินแห่งนี้ยังติดอันดับ สนามบินที่ดีที่สุดในโลกด้วยนะ  จุดเชื่อมต่อที่เชื่อมต่อกับอาคารผู้โดยสารสามแห่งคือจุดศูนย์กลางคือน้ำตกในร่มที่สูงที่สุดในโลกชื่อว่า Rain Vortex ซึ่งล้อมรอบไปด้วยป่า คือมันเว่อมาก !! น้ำตกคือสุดมากแม่ ตอนเดินเข้าไปในใจนี่อุทานตลอด เพราะใหญ่และเว่อร์มากจริงๆ เขาทำได้ดีมาก รอบๆน้ำตกก็จะล้อทไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร โดยชั้นบนสุด จะมาบาร์เล็กๆ สำหรับใครที่อยากนั่งจิบเบียร์ 🍺จิบไวน์  ซึ่งราคาคือไม่ต้องเดา แรงอยู่น๊า
แลก็ขาลาจบกันไปด้วยภาพนี้ เพราะเพลียร่างมากเลยจ้าแม่ แต่ ถ้าใครสนใจหรืออยากได้ข้อมูลสามารถแอดไลน์สอบถามได้เลยที่ไลน์ @unithaitrip เป็นครั้งแรกของการไปเที่ยว และ การมีเล่า อาจผิดไรบ้างไม่ว่ากันเน้ออ 🙏🏼 เจอกันใหม่ทริปหน้า บัยส์